ads by google

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คนผู้โกรธ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม




คนผู้โกรธ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม


คนผู้โกรธ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม


๑ คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะอาบน้ำ ไล้ทา ตัดผม โกนหนวด 
นุ่งผ้าขาวสะอาดแล้วก็ตาม แต่ถูกความโกรธครอบงำแล้ว ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม 

๒ คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะนอนบนบัลลังค์อันลาดด้วยผ้าขนสัตว์ 
ลาดด้วยผ้าขาวเนื้ออ่อน ลาดด้วยเครื่องลาดอย่างดี ทำด้วยหนังชะมด มีผ้าดาดเพดาน 
มีหมอนหนุนศีรษะและหนุนเท้าแดงทั้งสองข้างก็ตาม แต่ถูกความโกรธครอบงำแล้ว ย่อมนอนเป็นทุกข์ 

๓ คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะถือเอาสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
ก็สำคัญว่าเราถือเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ แม้ถือเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ ก็สำคัญว่าเราถือเอาสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ 
ธรรมเหล่านี้อันคนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำถือเอาแล้ว เป็นข้าศึกแก่กันและกัน 
ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหาย มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ตลอดกาลนาน 

๔ คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะมีโภคะ
ที่ตนหามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียรสั่งสมได้ด้วยกำลังแขน อาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของ
ชอบธรรม ได้มาโดยธรรมพระราชาทั้งหลายย่อมริบโภคะของคนขี้โกรธเข้าพระคลังหลวง 

๕ คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะได้ยศมาเพราะความไม่ประมาท ก็เสื่อมจากยศนั้นได้ 

๖ คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว 
แม้เขาจะมีมิตร
อำมาตย์ญาติสาโลหิต มิตรอำมาตย์ญาติสาโลหิตเหล่านั้น ก็เว้นเขาเสียห่างไกล 


๗ คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ 
ครั้นตายไป 
ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก


(ย่อมาจาก)
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๓