ads by google

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ปราชญ์จีนมองเคราะห์ร้ายอย่างไร





โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ถ้าคุณเชื่อว่ามีเฮง มีซวย สุดท้ายคงเฮงซวยแน่ แต่ถ้าคุณคิดว่าโลกนี้ไม่มีเฮง ไม่มีซวย จะทำอย่างไรก็คงไม่เฮงซวยสักที

ผมพบว่าคำทำนายของหมอดูทั้งในสื่อไทยและฮ่องกง ต่างเห็นคล้ายกันว่าเนื่องจากการเคลื่อนย้ายของดวงดาว ช่วงปลายปีนี้หลายคนและหลายประเทศ ดวงจะซวยไม่เบา จะเคราะห์ร้ายขนาดไหน มีความเห็น ความเชื่อต่างๆ นานา หนุ่มวัยกลางคนชาวฮ่องกงคนหนึ่ง เชื่อมั่นว่าโลกใกล้แตกแน่ จึงลาออกจากงาน ขายสินทรัพย์ทั้งหมด และตระเวนทานอาหารชั้นยอดและพักตามโรงแรมห้าดาว ชาวบ้านในชุมชนหนึ่งในภาคตะวันตกของจีนเข้าคิวซื้อเทียนไขมากักตุน เพราะเชื่อว่าไฟและพระอาทิตย์น่าจะดับอย่างน้อยสามวัน ส่วนชาวไทยก็มีการทำพิธีบูชาพระราหู และเสริมดวงชะตา สะเดาะเคราะห์ร้ายกันตามคติประเพณี

เพื่อต้อนรับวันโลก (ไม่) แตก (พรุ่งนี้แล้วนะครับ) และส่งท้ายปีเก่า รวมทั้งความซวยและเคราะห์ร้ายต่างๆ ที่กำลังจะผ่านพ้นไป “มองจีน มองไทย” ในครั้งนี้ จึงขอชวนผู้อ่านมามองวิธีคิดของปราชญ์โบราณชาวจีนเกี่ยวกับเรื่องความเฮง ความซวย กันครับ

มามองวิธีคิดที่ทำให้เติ้ง เสี่ยวผิง ซึ่งแม้ว่าจะซวยสุดๆ ถูกปลดออกจากตำแหน่งและไล่กลับไปอยู่บ้านในชนบทถึง 3 ครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงกลับไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนโลกแตกอะไร และสุดท้ายกลับผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน

วิธีคิดที่ทำให้ชนชาติจีน แม้จะเคราะห์ร้ายสุดๆ เมื่อช่วงกลางและปลายปี ค.ศ. 1976 ด้วยแผ่นดินไหว และการตายของเหมาเจ๋อตงและโจวเอินไหล กลับนำไปสู่จุดเริ่มต้นที่ทำให้จีนเข้าสู่ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่

วิธีคิดนี้ซ่อนอยู่ในนิทานเรื่อง "ตาแก่ม้าหาย" ของลัทธิเต๋าครับ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีตาแก่คนหนึ่งพักอาศัยอยู่บนเขากับลูกชาย เช้าวันหนึ่งตาแก่ตื่นขึ้นมาพบว่าม้าที่มีอยู่เพียงตัวเดียวหายไปจากคอก อาซ้อเพื่อนบ้านทราบข่าวรีบมาเยี่ยมเยียนฉันมิตรแท้ "ทำไมลื๊อถึงโชคร้ายจัง หัดไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ซะมั่ง" อาซ้อแนะนำ ตาแก่มองหน้าอาซ้อ ตอบไปอย่างไม่ไยดีว่า "ลื๊อรู้ได้ไงว่านี่เป็นโชคร้าย"

วันรุ่งขึ้น ม้ากลับมาเอง พร้อมกับพาเพื่อนๆ มาอีกเป็นฝูง ตาแก่คืนเดียวมีม้าเพิ่มหกตัว อาซ้อเพื่อนบ้านรีบหอบกระเช้ามาแสดงความยินดี "โอ ตาแก่ ลื๊อนี่แล่จริงๆ บอกว่าไม่ใช่โชคร้าย ก็กลายเป็นโชคดี โชคลีจริงๆๆ" ตาแก่มองหน้า ตอบอาซ้ออย่างปราศจากน้ำใจว่า "ก็แล้วลื๊อแน่ใจได้ไงว่านี่เป็นโชคดี"

ก็เพราะพอมีม้าตั้งเจ็ดตัว ลูกชายตาแก่เลยขี่ม้าเล่นทุกวันไม่สนใจการงาน จนวันหนึ่งขี่เล่นด้วยความคะนอง ตกม้าขาหัก อาซ้อเพื่อนบ้านได้ข่าวรีบหอบกระเช้ามาปลอบใจ "โถ ตาแก่ ลื๊อนี่แม่นจริงๆ บอกโชคร้ายก็โชคร้าย ซวยเจงๆๆ" ตาแก่มองหน้า ถามกลับว่า "ก็แล้วลื๊อแน่ใจรึว่าอั๊วซวย"

เวลาผ่านไปสองอาทิตย์ ทางการมีประกาศเกณฑ์ทหารไปสู้รบ... ลูกชายตาแก่เป็นชายหนุ่มคนเดียวในหมู่บ้านที่นอนพักขาอยู่ที่บ้านสบายๆ ไม่ต้องลุกไปจับอาวุธ

ในบรรดาปรัชญาสามสายของจีน เต๋า ขงจื๊อ พุทธ (แบบจีน) นั้น ปรัชญาเต๋าเข้าใจยากที่สุด และ "คิดต่าง" ที่สุด ที่ว่าคิดต่าง เพราะเต๋าจะสอนอะไรในทางตรงกันข้ามกับความเชื่อทั่วไป โลกสอนให้เราเข้มแข็ง เต๋าบอกว่าฟันแข็ง ลิ้นอ่อน หินแข็ง น้ำอ่อน แล้วสุดท้ายใครแน่? โลกสอนให้เราพยายามปีนไปให้สูง เต๋าบอกน้ำไหลลงที่ต่ำ แล้วไม่เชื่อหรือ ยิ่งสูง ยิ่งหนาว

โลกบอกว่า มีสิ่งที่เรียกว่าโชคดี และโชคร้าย แต่ตาแก่ถามหน้าตายว่า "ลื๊อแน่ใจได้ไงว่านี่เฮง" "ลื๊อแน่ใจได้ไงว่านี่ซวย"

ปราชญ์ชาวจีนจึงบอกว่า ถ้าใครมาต่อยคุณ แล้วคุณรู้สึกได้ว่ามันมีโชคดีในรอยช้ำ เมื่อนั้น คุณย่อมพบศานติในเรือนใจ

สำหรับเต๋า คนฉลาดคือคนที่เมื่อใครๆ บอกว่าลื๊อเฮง ตัวเขากลับไม่แน่ใจว่าตนเฮงจริง และยิ่งกว่านั้นเมื่อใครๆ บอกว่าลื๊อซวย เขากลับไม่แน่ใจว่าตนซวยจริง ขณะที่คนโง่และหมอดูนั้น จะเชื่อว่าไอ้อย่างนี้เฮง ไอ้อย่างนี้ซวย เส้นแบ่งชัดเจน แน่นอน

เส้นแบ่งเฮง - ซวยคงจะชัดจริงสำหรับคนโง่ และคงจะเบลอๆ สำหรับคนฉลาด ปราชญ์จีนจึงสอนว่า ถ้าคุณเชื่อว่ามีเฮง มีซวย สุดท้ายคงเฮงซวยแน่ แต่ถ้าคุณคิดว่าโลกนี้ไม่มีเฮง ไม่มีซวย จะทำอย่างไรก็คงไม่เฮงซวยสักที

นี่จึงเป็นวิธีคิดของคนจีน ผู้นำจีนในอดีตที่ปราดเปรื่อง เช่น เติ้งเสี่ยวผิง จึงเป็นคนที่หัว "ลื่น" มาก คือลื่นไหล เข้าใจพลิกแพลง ระบบสังคมนิยมก็ใช้เศรษฐกิจแบบตลาดได้ เศรษฐกิจแบบตลาดก็ใช้การปกครองด้วยพรรคเดียวได้ เป็นการมองโลกแบบในขาวมีดำ ในดำมีขาว ไม่ใช่แบบขาว -ดำ

จริงๆ นี่ไม่ใช่ภูมิปัญญาที่คนจีนผูกขาด ปราชญ์ฝรั่งเองก็เข้าใจความจริงข้อนี้ ดังที่ นักเปียโนชาวฝรั่ง Arthur Rubinstein ได้เคยสรุปไว้อย่างงดงามว่า "ผมยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่งดงามมาก งดงามจนคุณควรมีความสุขในทุกกาล หลายคนต้องการมีความสุขเฉพาะในเวลาที่โชคดี แต่แท้ที่จริงแล้วคุณจะมีความสุขได้ ก็ต่อเมื่อคุณไม่ตั้งเงื่อนไขว่าอะไรดี อะไรร้าย"

เต๋าชอบคำพูดทำนองนี้... ในด้อยมีเด่น ในขาดมีเต็ม ในโค้งมีตรง ในทื่อมีคม ในร้ายมีดี

Tags : จีน • ดี • ร้าย • เฮง • ซวย