ads by google

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

คนเจนวาย 90% ทั่วโลกหยิบมือถือเช็กโซเชียลมีเดียก่อนลุกจากเตียง


Do you understand this article.
http://understand2article.blogspot.com/
Please re-write this article to me,thank a lot.

Human Resource Online Training



คนเจนวาย 90% ทั่วโลกหยิบมือถือเช็กโซเชียลมีเดียก่อนลุกจากเตียง

ก่อนแปรงฟัน เข้าห้องน้ำ คนเจนวายทั่วโลกต้องโพสต์ข้อความ เข้าถึงโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นกิจวัตรยามเช้า ยกให้สมาร์ทโฟนเป็นเหมือนกระดูกชิ้นที่ 207 ของมนุษย์!

เป็นข้อมูลจากรายงานคอนเน็คเต็ท เวิลด์ เทคโนโลยี (Connected World Technology) ของซิสโก้ พบว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่นเจนวายทั่วโลกที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า ในแต่ละวันจะเช็กสมาร์ทโฟนเพื่อดูข่าวคราวอัพเดทอีเมล ข้อความ และโซเชียลมีเดีย ก่อนจะลุกจากเตียง

ขณะที่ผลสำรวจในประเทศไทยมีสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าสมาร์ทโฟนเปรียบได้กับกระดูกชิ้นที่ 207 ของมนุษย์ จะรู้สึกกระวนกระวายเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิตถ้าไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเชื่อมต่อทุกที่ทุกเวลา

ซิสโก้ได้สำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาและคนทำงานอายุ 18 ถึง 30 ปี จำนวน 1,800 คนใน 18 ประเทศ โดยมุ่งศึกษาพฤติกรรมของคนรุ่นเจนวายในการใช้อินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์พกพาเพื่อเชื่อมต่อโลก และเพื่อศึกษาถึงพฤติกรรมและทัศนคติของคนเหล่านี้ในการสร้าง เข้าถึง และการรักษาความเป็นส่วนตัวจากสมาร์ทโฟน กล้องวิดีโอ มอนิเตอร์ และอุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ

จากข้อมูลพบด้วยว่าคนเจนวายต้องการข้อมูลเป็นแบบเรียลไทม์ในทุกเวลา ผู้ตอบแบบสอบถามเก้าในสิบคนจะแต่งตัว แปรงฟัน และเช็กสมาร์ทโฟนระหว่างเตรียมตัวไปโรงเรียนหรือไปทำงานในตอนเช้า หากเป็นพนักงานถือว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่มีความหมาย เพราะแสดงให้เห็นว่าบุคลากรในอนาคตจะมีความคล่องตัวมากขึ้น รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น และตอบสนองอย่างฉับไวมากกว่าคนรุ่นก่อน คนเหล่านี้ใช้ชีวิตในการเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารเป็นหลัก

ตั้งแต่เช้าจนถึงกลางคืน คนเจนวายจะเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง เช็กสมาร์ทโฟนจนไม่อาจนับครั้งได้ ในสหรัฐฯสองในห้าคนเช็กสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 10 นาที และยังพบด้วยว่าผู้หญิงมีแรงจูงใจในการเชื่อมต่อมากกว่าผู้ชาย มีการใช้สมาร์ทโฟนในทุกๆที่แม้กระทั่งในสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด ความต้องการที่จะเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องส่งผลให้เส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงาน ชีวิตส่วนตัวและครอบครัวเริ่มเลือนหาย ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลอัพเดทเรื่องงานและติดต่อสื่อสารทุกชั่วโมงจากทุกๆที่ จึงไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างวันทำงานและเวลาส่วนตัว เพราะคาบเกี่ยวกันตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

รายงานระบุด้วยว่า 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกส่งข้อความ อีเมล และโซเชียลมีเดียระหว่างรับประทานอาหารกับครอบครัวและเพื่อนฝูง และมากกว่าครึ่งหนึ่งใช้สมาร์ทโฟนระหว่างที่รับประทานอาหารกับผู้อื่น

สำหรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น เกือบ 70% ระบุว่าโมบายแอพพลิเคชั่นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันเน้นเกมและความบันเทิงเป็นหลัก มีเพียง 27% ที่ใช้โมบายแอพพลิเคชั่นเพื่อการทำงาน ส่วนใหญ่ใช้โปรแกรมบนสมาร์ทโฟนเป็นประจำไม่ถึง 10 โปรแกรม

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 81% เชื่อมั่นว่าแต่ละคนมีภาพลักษณ์ออนไลน์และออฟไลน์แตกต่างกัน มีเพียง 44% ที่ตอบว่าภาพลักษณ์ออนไลน์เหมือนกับภาพลักษณ์ "ออฟไลน์" ในโลกแห่งความเป็นจริง

ส่วนอุปกรณ์จำเป็นที่ต้องพกติดตัว หากต้องเลือกเพียงเครื่องเดียว ส่วนใหญ่เลือกสมาร์ทโฟนมากกว่าแท็บเล็ต เพื่อรองรับการใช้งานทุกอย่าง


--  

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีตรวจความบริสุทธิ์ของผู้ชาย


 
 

วิธีตรวจความบริสุทธิ์ของผู้ชาย


เด็กสาวที่แสนจะเรียบร้อยและเป็นคนซื่อกำลังจะเดินทางไปเมืองใหญ่ ก่อนเดินทางมารดาได้ให้คำแนะนำบางอย่างเกี่ยวกับวิธีพิจารณาชายหนุ่มคนที่คู่ควรจะแต่งงานด้วย ว่าจงทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ คือต้องเป็นผู้ชายที่ "ไว้ใจได้ ไม่ฟุ่มเฟือย" และต้องเป็นหนุ่มที่ยังคงความ "บริสุทธิ์"

เด็กสาวจดจำคำแนะนำติดตัวไป สองสามเดือนต่อมาเด็กสาวเดินทางกลับบ้านเพื่อขอให้มารดาอวยพรสำหรับงานแต่งงาน

"แม่คะ หนูพบผู้ชายที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแม่เปี๊ยบเชียวค่ะ สามีในอนาคตของหนูเป็นคนที่ไว้ใจได้ เพราะเมื่อเราออกไปเที่ยววันหยุดด้วยกันวันหนึ่ง เขาเอาใจใส่หนูดีมาก ไม่วอกแวกเลย ถึงแม้จะมีผู้หญิงหน้าตาสะสวยมากมายแถวนั้น ถือว่าไว้ใจได้ใช่ไหมคะ
?
" มารดาก้มศีรษะเห็นด้วย

"จากนั้นเนื่องจากเราเที่ยวกันดึกไปหน่อย แล้วฝนก็เริ่มตกหนัก เขาเลยตัดสินใจพักค้างคืนที่โรงแรม เขายังแนะนำด้วยว่าเพื่อให้ไม่ต้องใช้จ่ายเงินให้มากเกินไป เราควรใช้ห้องร่วมกันจะดีกว่า เขาไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยเลยใช่ไหมคะ
?
"
เป็นครั้งที่สองที่มารดาก้มศีรษะเห็นด้วย แต่มีแววเอะใจเล็กน้อย

"และในที่สุดค่ะแม่ หนูก็รู้ว่าเขาบริสุทธิ์!"

"หนูรู้ได้อย่างไรจ้ะว่าเขายังบริสุทธิ์อยู่?" มารดาถามเร็วปรื๋อ

"ก็สิ่งนั้นของเขาใหม่มากเลยนะคะ...


ยังห่ออยู่ในถุงพลาสติกเรียบร้อยเชียวค่ะ..." 

สัญลักษณ์ E, H, H+, G เวลาต่ออินเตอร์เนตหมายถึงอะไรครับ?

 
 

สัญลักษณ์ E, H, H+, G เวลาต่ออินเตอร์เนตหมายถึงอะไรครับ?


ระบบ Android 3G, H, H+, G และ E เป็นสัญลักษณ์ของการรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายโทรศัพท์ แต่ละสัญลักษณ์ก็จะมีความเร็วสูงสุดที่ต่างกัน (ขอใช้คำว่าความเร็วสูงสุดนะครับ เพราะสัญลักษณ์ต่างกันก็จริง แต่ความเร็วอาจไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับสัญญาณโทรศัพท์ของแต่ละพื้นที่ด้วย และอาจมีปัจจัยของผู้ให้บริการด้วย)

"G" แสดงว่าจับสัญญาณ GSM แบบ GPRS ความเร็ว 48 kbps

"E" แสดงว่าจับสัญญาณ GSM แบบ EDGE ความเร้ว 280 kbps

"3G" แสดงว่าจับสัญญาณ 3G ได้แล้ว แต่รองรับความเร็วสูงสุดในดาวน์โหลดอยู่ที่ 384 kbps เท่านั้น

"H" แสดงว่าจับสัญญาณ 3G ในโหมด HSPA "High Speed Sacket Access" ซึ่งจะทำให้คุณใช้อินเตอร์เนตได้ที่ความเร็วตั้งแต่ 7.2 Mbps, 10.2 Mbps, 14.4 Mbps สูงสุด ขึ้นอยู่สเปคของเครื่องว่ารองรับได้สูงสุดเท่าไร

"H+" แสดงว่าจับสัญญาณ 3G ในโหมด HSPA+ "High Speed Packet Access Plus" ซึ่งจะทำให้คุณใช้อินเตอร์เนตได้ที่ความเร็วตั้งแต่ 21 Mbps และสูงสุดที่ 42 Mbps ขึ้นอยู่สเปคของเครื่องว่ารองรับได้สูงสุดเท่าไร

สรุปนะครับ G ช้าสุด H+ เร้วสุด

สำหรับระบบ iOS - 3g =3g, H, H+ ใน Android ครับ ส่วน E คือ E, G ครับ

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

ชุดชั้นในป้องกันการข่มขืน

 
ชุดชั้นในป้องกันการข่มขืน


นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์จากเมืองเชนไน รัฐทมิฬนาดูของอินเดีย ได้คิดค้นชุดชั้นในป้องกันการข่มขืน เป็นเหมือนอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันการข่มขืนได้ในทันที เพราะเพียงแค่คนร้ายเข้าไปแตะต้องเนื้อตัวของผู้หญิงหมายจะข่มขืน ชุดชั้นในก็จะปล่อยไฟ 3,800 กิโลโวลต์ออกมาช็อต ทั้งยังส่งสัญญาณแจ้งไปยังตำรวจให้รีบมายังจุดเกิดเหตุอีกด้วย เพราะตัวชุดชั้นในติดตั้งระบบจีพีเอสเอาไว้

ชุดชั้นในมีชื่อเรียกว่า "โซไซตี้ ฮาร์นิสซิ่ง อีควิปเมนต์ (Society Harnessing Equipment)" หรือเรียกย่อๆว่า ชี (S.H.E.) ต้องติดตั้งสายไฟไว้ที่ชุดเพื่อให้ปล่อยกระแสไฟช็อตคนร้ายได้ และจะปล่อยไฟช็อตซ้ำๆอย่างนั้นกว่า 80 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าคนร้ายจะไม่กล้าลงมืออีก

นักศึกษาสามคนที่คิดค้นชุดชั้นในนี้ได้แนวคิดมาจากคดีข่มขืนนักศึกษาบนรถบัสที่เกิดในกรุงนิวเดลลีจนเป็นข่าวใหญ่โตไปเมื่อเดือน ธ.ค. 2555 พวกเขาบอกว่าถ้ามีชุดชั้นในแบบนี้อาจทำให้คนที่ลงมือข่มขืนตกใจที่ถูกไฟช็อตจนไม่กล้าก่อเหตุอีก แต่รับรองได้ว่าผู้หญิงที่สวมใส่จะไม่เป็นฝ่ายถูกชุดชั้นในช็อตเสียเองอย่างแน่นอน

นักศึกษากำลังพัฒนาให้ชุดชั้นในกันน้ำได้ และเชื่อมต่อกับมือถือผ่านบลูธูทได้ด้วย และกำลังหาเส้นใยที่เหมาะสมไว้ถักทอเป็นชุดชั้นในเพื่อให้สามารถนำไปซักล้างได้ตามปกติ โดยหวังว่าจะผลิตออกมาทีละมากๆเพื่อวางจำหน่ายต่อไป 

ประหารชีวิตด้วยยาพิษ

 
ประหารชีวิตด้วยยาพิษ
เขียนโดย  มณีอักษร


การลงโทษผู้กระทำความผิดมีมาแต่โบราณนับพันปีแล้ว สมัยก่อนโทษที่ใช้ เช่น โบยตี ทำงานหนัก จำคุก ประหารชีวิต เป็นต้น โทษประหารชีวิตถือเป็นโทษสูงสุดแต่โบราณแล้ว มักใช้กับความผิดที่รุนแรงซึ่งสร้างความเสียหายต่อสังคม ต่อผู้ปกครองบ้านเมือง กระบวนการตัดสินคดีก่อนลงโทษประหารชีวิตจะต้องทำอย่างรอบคอบและเป็นผู้กระทำความผิดแท้จริงเท่านั้น เพื่อความเป็นธรรมต่อครอบครัวของผู้กระทำความผิดและของผู้เสียหาย

เมื่ออดีตโทษประหารชีวิตเริ่มต้นจากการแขวนคอ ตัดคอ ทุบตีจนตาย และพัฒนาไปถึงการยิงเป้านักโทษ ส่วนการประหารชีวิตในไทยที่มีการจดบันทึกไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ การตัดคอ การทุบด้วยท่อนจันทน์ การยิงเป้า แล้วแต่ลักษณะความผิดและคุณสมบัติของผู้กระทำผิด ต่อมาหลายประเทศมีความเชื่อกันว่าการยิงเป้าเป็นการสร้างความทรมานแก่นักโทษ จึงคิดค้นหาวิธีตายที่สบายขึ้น จนกระทั่งมาถึงการใช้ยาพิษ โดยอยู่บนพื้นฐานความคิดว่าร่างกายของมนุษย์เปรียบคล้ายเครื่องจักร แต่ละส่วนมีการทำงานเฉพาะหน้าที่ ถ้าเพียงปิดการทำงานทีละจุด มนุษย์จะมีอาการคล้ายคนนอนหลับและหยุดหายใจหรือตาย อันถือว่าไม่ทรมานเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ปืนยิงจนกว่าจะตาย

การคัดเลือกยาพิษเพื่อใช้ประหารชีวิตให้เหมาะสมกับแนวคิดการตายที่ไม่ทรมาน โดยเน้นคุณสมบัติทางเคมีของสาร และจัดลำดับการฉีดสารแต่ละตัวไว้ มีดังต่อไปนี้
     1. โซเดียมไธโอเพนธัล ทำให้หมดสติหรือหลับ
     2. แพนคูโรเนียมโบรไมด์ ทำให้ระบบประสาทหยุดการทำงาน
     3. โปตัสเซียมคลอไรด์ ทำให้หัวใจหยุดทำงาน

การฉีดสารเคมีแต่ละตัวตามลำดับจะส่งผลต่อนักโทษ คือ หลับ ระบบประสาททุกส่วนหยุดการทำงานลง จากนั้นหัวใจจะค่อยๆหยุดเต้นและไม่หายใจในที่สุด นักวิทยาศาสตร์และนักทัณฑวิทยาเชื่อว่าวิธีประหารชีวิตด้วยสารพิษจะไม่ทำให้นักโทษต้องทรมานเมื่อเทียบกับการยิงปืนใส่ร่างนักโทษจนกว่าจะหมดลมหายใจตามที่ใช้กันมาหลายปีแล้ว และเป็นการประหารด้วยความเมตตา แต่หลายประเทศก็ยกเลิกโทษประหารชีวิต เพราะเห็นว่าเป็นความทารุณโหดร้าย แล้วเน้นที่การจำคุกนักโทษรุนแรงเหล่านั้นอย่างเข้มงวดแทนการฆ่าให้ตายตกไปตามกันอันเป็นแนวคิดลงโทษในอดีต

ไม่ว่าจะมีโทษประหารชีวิตหรือไม่ จะสังเกตได้ว่าการกระทำผิดรุนแรงและโหดเหี้ยมยังมีให้เห็นในสังคมเสมอ วิธีป้องกันดีที่สุดคือการบ่มเพาะสั่งสอนสมาชิกในครอบครัวให้มีเมตตาสูง เห็นคุณค่าชีวิตของผู้อื่นเยี่ยงเดียวกับชีวิตของตน เคารพกฎหมายบ้านเมือง ถ้าเริ่มต้นที่ครอบครัวอย่างดีแล้ว สังคมจักได้รับผลพลอยได้จากการอบรมสั่งสอนที่ดีนี้ด้วย การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โทษประหารชีวิตจักไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป 

กินถั่วงอกดิบมีโทษจริงหรือ?

 
ใครที่ชอบรับประทาน "ถั่วงอกดิบ" กับขนมจีนน้ำยาหรือก๋วยเตี๋ยวผัดไทย คงจะตกใจหากได้รับอีเมลที่มีข้อความว่า "ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านั้นเข้าร่างกาย จะเป็นโรคขาดแร่ธาตุ สารพิษเหล่านี้สามารถทำลายได้โดยการต้ม จึงควรรับประทานถั่วงอกสุกดีกว่าถั่วงอกดิบ"

เพื่อให้ผู้อ่านหายข้องใจ "X-RAY สุขภาพ" จึงมาพูดคุยกับ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ

นพ.กฤษดา กล่าวว่า ข้อความดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โดย "ไฟเตต" จะพบมากในพืชตระกูลถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว หรืองา ดังนั้นในถั่วงอกดิบจึงมีไฟเตตสูง แต่ถ้าปรุงให้สุกไฟเตตจะสลายไป หรือมีปริมาณน้อยลง โอกาสที่ไฟเตตจะไปดูดซับแร่ธาตุต่างๆจึงน้อยกว่าการรับประทานดิบๆ

ไฟเตตจะมีลักษณะคล้ายฟองน้ำ มันจะไปจับหรือดูดซับธาตุแคลเซียม เหล็ก สังกะสี และฟอสฟอรัส หากรับประทานเข้าไปมากๆร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านี้ได้ ถ้าเรารับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุเหล่านี้เข้าไปพร้อมกับถั่วงอกดิบ ไฟเตตก็จะดูดซึมแร่ธาตุเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น เรารับประทานปลาเล็กปลาน้อยเพื่อหวังจะได้รับแคลเซียม ขณะเดียวกันก็รับประทานถั่วงอกดิบเข้าไป ก็จะทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุแคลเซียมได้น้อย แต่จะถูกขับออกมาทางอุจจาระหรือปัสสาวะมากกว่า

การรับประทานถั่วงอกดิบต่อมื้อหรือต่อวันในปริมาณมากๆเป็นกิโลกรัมถือว่าเป็นอันตราย แต่ในชีวิตประจำวันของคนเราไม่ได้รับประทานถั่วงอกมากมายขนาดนั้น จึงไม่ต้องกลัว ถ้ากลัวก่อนที่จะรับประทานก็ควรปรุงให้สุกก่อน เพราะการปรุงสุกๆดิบๆไฟเตตจะไม่สลายไปหมด ไฟเตตก็ยังคงมีอยู่ ประชาชนมักจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ และไม่รู้ว่าอาหารชนิดใดมีไฟเตตอยู่บ้าง ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าการรับประทานอาหารทุกอย่างสดๆจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างเสมอไป คนที่ชอบรับประทานขนมจีนน้ำยาหรือก๋วยเตี๋ยวผัดไทยกับถั่วงอกดิบ หากเกรงว่าถั่วงอกดิบจะไปดูดซับแคลเซียมหรือแร่ธาตุตัวอื่นก็อาจจะกินกุ้งแห้งมากหน่อย เช่น ผัดไทยก็ใส่กุ้งแห้งเพิ่ม เพราะผัดไทยนอกจากจะมีถั่วงอกแล้ว ยังมีถั่วลิสงโรยด้วย

ส่วนถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว ก่อนที่จะนำไปปรุงให้สุกควรนำไปแช่น้ำก่อนสัก 3 ชั่วโมง จะทำให้ไฟเตตและแป้งในถั่วคลายตัวลง พอนำไปปรุงจะทำให้สุกเร็วขึ้น ไม่ไปหมักต่อในท้องจนทำให้ท้องอืด นอกจากถั่วงอกและพืชตระกูลถั่วที่มีไฟเตตแล้ว นพ.กฤษดา บอกว่ายังพบไฟเตตในผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า ขี้เหล็ก ผักโขม กลิ่นเหม็นเขียวที่เราพบในผักนั่นแหละคือกลิ่นของไฟเตต นอกจากนี้ยังพบในผลไม้ เช่น สับปะรด ลำไย มะม่วง ทุเรียน แก้วมังกร รวมไปถึงเต้าหู้ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต แต่ปริมาณที่พบน้อยกว่าพืชตระกูลถั่วมาก อย่างสับปะรดเป็นผลไม้ที่มีไฟเตตมากที่สุดก็มีเพียง 0.09% เท่านั้น

ที่น่าสนใจคือมีงานวิจัยของต่างประเทศระบุว่าไฟเตตมีส่วนทำให้เซลล์ที่ลำไส้ใหญ่ตายเร็ว และยังทำให้เซลล์เปลี่ยนหน้าตาเร็ว แต่ก็ยังไม่มีผลการวิจัยยืนยันว่าไฟเตตมีผลต่อการเกิดมะเร็งลำไส้หรือไม่

ท้ายนี้หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน ไม่ได้ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก แต่อยากให้เดินทางสายกลาง คือจะรับประทานอะไรไม่ซ้ำซากหรือมากจนเกินไป หากท่านไม่รับประทานพืชผักทีละเป็นกิโลๆ การรับประทานดิบๆก็คงไม่มีปัญหา ส่วนผลไม้ก็ไม่น่ากลัวเพราะมีปริมาณไฟเตตน้อยมากๆ


ที่มา: www.lifestyle.th.msn.com 

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

คำคม คนทำงาน

 

เปลี่ยนโลกด้วยการเปลี่ยนกางเกงใน

 โดย ทรงกลด บางยี่ขัน (@zcongklod)


จริงๆครับ เราสามารถเปลี่ยนโลกได้ด้วยการเปลี่ยนกางเกงใน

ตอนได้ยินเรื่องนี้ทีแรก ผมก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมาย จนกระทั่งมาสะดุดกับสโลแกนที่ว่า "Change starts with your underwear" ผมถึงเม้มปาก พยักหน้าช้าๆ แล้วเอ่ยปากชมคนคิดโปรเจกต์นี้ว่า "นายแน่มาก"

ลองคิดเล่นๆไหมครับว่าการเปลี่ยนกางเกงในมันจะช่วยเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้นได้ยังไง?

เอ่อ...มันไม่ได้ช่วยเรื่องสุขอนามัยอะไรทำนองนั้น

แล้วก็ไม่ใช่การเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์ด้วย เปลี่ยนจริง ช่วยจริง เห็นผลจริง นับเป็นวิธีดูแลสิ่งแวดล้อมที่ใหม่มาก สดมาก และลากเอาเครื่องหุ้มห่ออวัยวะใต้สะดือไปรวมกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว

เรื่องมันเริ่มต้นจากไอเดียของ Jason Kibbey กับ Jeff Denby ที่อยากทำธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาสังคม ไอเดียที่เขาคิดได้คือ ทำกางเกงใน

กางเกงในยี่ห้อ PACT ของพวกเขาเป็นกางเกงในธรรมดาๆที่ออกแบบมาให้พวกเราใส่กันได้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน มีหลายทรง หลายลาย ทั้งของผู้ชาย ของผู้หญิง เซ็กซี่ มีสไตล์ ใส่สบาย ทำจากฝ้ายคุณภาพสูง สองเจ้าของกิจการมองว่านี่แหละคือทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับผู้บริโภค

การผลิตแบบอุตสาหกรรมโดยทั่วไปจะพยายามลดค่าใช้จ่ายลงในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกฝ้าย ไปจนถึงการทอ ย้อม ออกแบบ ตัดเย็บ สกรีน และบรรจุหีบห่อ ทำให้มักจะละเลยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่ในการผลิตกางเกงใน PACT นั้นคิดตรงข้าม พวกเขาพิถีพิถันใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ทำงานร่วมมือกับยอดฝีมือทุกด้าน แน่นอนว่าต้นทุนการผลิตย่อมสูงขึ้น แต่พวกเขาก็ฉลาดพอจะสร้างแบรนด์ให้ดูดีมีราคากว่าสิ่งที่ลงทุนเพิ่มไป

จุดเด่นของ PACT คือการใช้ฝ้ายออแกนิกแท้ ซึ่งหมายถึงการใช้ฝ้ายพันธุ์ที่ปลอดจีเอ็มโอ (ฝ้ายจำนวนมากในโลกเป็นฝ้ายจีเอ็มโอไปหมดแล้ว) และปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีในทุกขั้นตอน แต่กางเกงในของพวกเขาก็ไม่ได้เลือกใช้ฝ้าย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมันจะเสียทรงง่าย และมีอายุการใช้ง่ายค่อนข้างสั้น จึงใช้ฝ้ายแค่ 95 เปอร์เซ็นต์แล้วเติมใยยางยืดลงไปอีก 5 เปอร์เซ็นต์เพื่อเพิ่มอายุการใช้งาน ฝ้ายที่เลือกใช้ก็มาจากโครงการที่ได้รับการรับรองเรื่องแรงงานว่าทำงานและได้รับค่าแรงอย่างเป็นธรรม

สีที่ใช้ย้อมและใช้สกรีนก็ไม่มีโลหะหนักและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก และเมื่อมองกระบวนการผลิตทั้งหมดตั้งแต่การปลูก ปั่นฝ้าย ทอ ย้อม พิมพ์ ตัด เย็บ จนสำเร็จเป็นกางเกงใน ล้วนเกิดขึ้นในรัศมี 100 ไมล์ภายในประเทศตุรกี

แม้จะผลิตที่ตุรกีแล้วส่งกลับมาที่อเมริกา ก็ยังปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการผลิตเองในสหรัฐฯทุกขั้นตอน ซึ่งต้องขนส่งไปทำแต่ละขั้นตอนในเมืองที่ต่างกันไป

มีคนจำนวนหนึ่งแย้งว่าฝ้ายนั้นใช้น้ำในการปลูกเยอะ ถ้าอยากสร้างความยั่งยืนควรหันไปใช้เส้นใยจากไผ่หรือถั่วเหลืองมากกว่า ทางฝ่าย PACT เลยตอบกลับว่าการปลูกไผ่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าก็จริง แต่เนื่องจากมีเส้นใยที่แข็งกว่า เลยต้องใช้สารเคมีมากขึ้นในการทำให้มันนิ่ม ซึ่งจะส่งผลต่อทั้งสุขภาพคนและสุขภาพโลก ส่วนเส้นใยจากถั่วเหลืองก็นิ่มดี แต่เนื้อผ้าที่ได้ไม่ทน ใช้งานได้ไม่นานต้องเปลี่ยนบ่อย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

สิ่งหนึ่งที่ทีมงานได้เรียนรู้จากการพัฒนากางเกงในที่กรีนที่สุดในโลกก็คือ ทุกอย่างล้วนมีข้อดีและข้อเสียเสมอ ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคซื้อ คุณก็ต้องทำให้เขาอยากซื้อมันก่อน พวกเขารู้ดีกว่าฝ้ายออแกนิกไม่ได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มันก็ดีกว่าฝ้ายที่ปลูกด้วยการใช้สารเคมีจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ฝ้ายเกือบทั้งโลกกำลังเป็นอย่างนั้น PACT ต้องการทดแทนกางเกงในที่วางขายอยู่ทั่วไปซึ่งทำจากฝ้ายปกติ พวกเขาต้องการให้ลูกค้าหยุดซื้อกางเกงในที่ทำจากฝ้ายปกติแล้วหันมาใช้กางเกงในที่ทำจากฝ้ายออแกนิกแทน

ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อนำไปสู่สิ่งที่ยั่งยืนขึ้น ผู้บริโภคควรจะได้รับความสะดวกสบายเท่าเดิม

PACT เลยไม่เชื่อว่ากางเกงในที่ทำจากฝ้ายออแกนิกต้องออกมาสีตุ่นๆ แบบเชยๆ พวกเขาเลยชวน Yves Behar สุดยอดดีไซเนอร์แห่ง Fuseproject ผู้ชำนาญในการใช้การออกแบบแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมมาออกแบบกางเกงในให้ โดยทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านกางเกงในอย่าง Dwayne Hein ซึ่งคร่ำหวอดอยู่กับกางเกงในมาตั้งแต่ยุค 80 เคยนั่งเก้าอี้ใหญ่โตใน Calvin Klein และ DKNY มาแล้ว ที่สำคัญเขาเคยเดินทางไปดูโรงงานผลิตกางเกงในมาแล้วแทบจะทุกแห่งในโลก

ทั้งกางเกงในและบรรจุภัณฑ์เลยออกแบบมาได้อย่างสวยเก๋น่าใช้ ถุงผ้าที่ใส่กางเกงในให้ออกแบบมาได้สวยแบบเรียบๆ สามารถนำกลับมาใช้ใส่อะไรก็ได้ และบางส่วนของถุงก็ยังมาจากเศษผ้าเหลือทิ้ง

PACT บอกว่าวันนี้กางเกงในของพวกเขายังไม่สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ระหว่างทางที่กำลังมุ่งไปสู่ความยั่งยืนบนถนนที่ใช้กางเกงในเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงโลก

การซื้อ PACT ไปใช้เลยหมายถึงการมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยการให้กำลังใจชาวไร่ที่ปลูกฝ้ายออแกนิก ได้รับผิดชอบต่อแรงงาน และสนับสนุนองค์กรธุรกิจที่ทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น

PACT จึงใช้สโลแกนว่า "การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่กางเกงในของคุณ"

เห็นแล้วก็อดเอาไปเทียบกับการสวมเสื้อยืดสกรีนคำว่า "Stop Global Warming" ไม่ได้ มันเป็นแค่การป่าวประกาศไม่ใช่การลงมือทำ เผลอๆทั้งเสื้อและคนใส่อาจจะไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดโลกร้อนเลยด้วยซ้ำ

ไม่เหมือน PACT ที่ไม่ต้องสกรีนอะไร ใส่เงียบๆอยู่ด้านในโดยไม่มีใครเห็น และไม่ต้องบอกใครว่าฉันได้ช่วยโลกแล้ว

บางที การดูแลโลกอาจจะเหมือนการสวมกางเกงใน ความสบายที่เราได้รับมาจากการได้สวมกางเกงในตัวนั้น ไม่ได้มาจากการโชว์ให้คนชม 

ขอชื่นชมจากใจจริงครับ



 
หลังคลิปนาทีชีวิตถูกแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างชื่นชมความมีน้ำใจของหนุ่มคนนี้ ล่าสุดทราบชื่อของฮีโร่หนุ่มคนนี้แล้ว คือ นายพิษณุ หงษ์แสงคำ เป็นพนักงานฝ่ายช่าง การบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ


 

อาหารว่างที่ไม่ทำให้อ้วน

อาหารว่างที่ไม่ทำให้อ้วน


คะน้าแผ่นกรอบ
ทำได้ง่ายๆ เพียงล้างคะน้าให้สะอาด แยกเป็นใบๆ เหยาะน้ำมันมะกอก เกลือ และพริกไทย นำเข้าอบในเตาอบด้วยอุณหภูมิ 350 เป็นเวลา 10 นาที คุณจะได้คะน้าแผ่นกรอบสุดอร่อย

เซเลอรี่กับครีมชีส
เซเลอรี่มีความกรอบ เคี้ยวเพลิน นำมาจิ้มกับครีมชีสแบบไขมันต่ำ เป็นของว่างที่ได้ประโยชน์มาก เพราะได้ทั้งวิตามิน ไฟเบอร์จากเซเลอรี่ และยังได้โปรตีนจากชีส ซึ่งคุณสามารถเพิ่มเติมความอร่อยด้วยการเติมหัวหอมหรือเครื่องเทศอื่นๆได้ตามใจชอบ

เบอร์รี่พาเฟ่ต์
เป็นของว่างที่ดูหรูแต่ทำได้ง่าย แถมยังไขมันต่ำ โดยให้ใช้โยเกิตไขมันต่ำหรือปราศจากไขมันเทเป็นชั้นสลับกับเบอร์รี่ชนิดต่างๆ (สตรอเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่ ฯลฯ) สามารถกินได้ทั้งร่วมกับอาหารเช้า หรือก่อนนอนก็ยังไหว

เมล็ดฟักทองอบ
อร่อย แล้วยังมีทั้งแอนตี้ออกซิแดนท์และไฟเบอร์ คุณสามารถแพ็กใส่ถุงซิปล็อกพกพาไปเป็นอาหารว่างแบบติดตัวได้ทุกที่

ไข่ต้มแข็ง
ให้โปรตีนที่เป็นประโยชน์ ที่สำคัญต้านความหิวได้ดีมาก เทรนเนอร์มักแนะนำให้ซื้อไข่ 1 แผงมาต้มให้แข็งแล้วเก็บไว้ใช้เป็นอาหารว่างตลอดสัปดาห์ บางคนอาจชอบทั้งฟอง หรือเลือกเฉพาะไข่ขาวก็ได้ทั้งนั้นค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

Fwd: [Uncle Taro(tm)] วิธีสืบว่าผู้ชายมีภรรยาแล้วหรือยัง...

 
วิธีสืบว่าผู้ชายมีภรรยาแล้วหรือยัง...


1. สืบให้รู้ว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน
แล้วแอบตามไปดู ให้ใช้วิธีถามเพื่อนบ้านเขาจะยิ่งง่าย เช่น "พี่ขา...เมียของเจ้าของบ้านนี้อยู่ไหม?"

2. สืบหาเบอร์โทรที่บ้านเขาให้ได้
แล้วให้เพื่อนชายแกล้งโทรไปหาในเวลาที่รู้แน่ว่าเขาไม่อยู่บ้าน จากนั้นก็สอบถามว่าผู้รับสายคือใครจะได้ฝากข้อความไว้ให้ รับรองว่าเมียทุกคนจะชอบรับทราบข้อมูลของผัว ถ้าเป็นเมียจะรีบแสดงตัวทันที

3. ตีซี้กับฝ่ายบุคคลในที่ทำงานเขา
แล้วล้วงความลับจากข้อมูลเขาว่ามีเมียแล้วหรือยัง

4. สืบหาเบอร์โทรของญาติเขาสักคน
แล้วให้เพื่อนผู้ชายแกล้งโทรหาญาติเขาว่ามีธุระด่วนมากแต่ติดต่อเขาไม่ได้ บังเอิญได้เบอร์โทรของญาติเขามาจึงติดต่อมาเพื่อให้ช่วยประสานให้ รับรองว่าถ้าเขามีเมียแล้ว ญาติเขาจะต้องบอกว่า "ลองโทรไปหาเมียเขานะ เบอร์โทร 089-XXX-XXXX"

แค่นี้ก็จะสามารถล้วงความลับได้ ถ้าใช้ทั้ง 4 วิธีนี้แล้วยังไม่ปรากฎว่าเขามีเมียแล้ว ก็ทำใจให้สบายได้ว่าเขาน่าจะเป็นโสดถึง 95% ส่วนอีก 5% เขาอาจจะซ่อนเมียเขาไว้ไม่ให้ญาติพี่น้องรู้ก็ได้ โดยเขาอาจจะไปหาเมียเขาอาทิตย์ละครั้งแบบไม่มีใครรู้

ขอบอกสักนิดนะครับ การห้ามไม่ให้ผู้ชาย (แท้ๆ) เจ้าชู้น่ะ ยากยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก
 

สาวอกยักษ์ ใหญ่ที่สุดในโลก หนักเท่ากับเด็ก 4 ขวบ

 
ใหญ่พอมั๊ยเอ๋อ?...
 



สาวอกยักษ์ ใหญ่ที่สุดในโลก หนักเท่ากับเด็ก 4 ขวบ
เขียนโดย nattawat_86 โพสต์เมื่อ วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2555


Mthai News: สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สาวแอนนี่ ฮอว์คกิน วัย 52 ปี มีจุดเด่นอยู่ที่หน้าอก ที่เวลาไปไหนมาไหนเธอมักถูกสายตาผู้คนจับจ้องไปที่หน้าอก ที่ขนาดใหญ่ไซต์ยักษ์ 102ZZZ โดยมีน้ำหนักเทียบเท่ากับเด็กวัย 4 ขวบ จนเธอได้รับการบันทึกชื่อให้เป็นหญิงที่มีหน้าอกใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่มีการศัลยกรรม

จะเห็นได้ว่าปัญหาหนักอกของเธอจึงมีความหย่อนยานตามแรงโน้มถ่วงของโลก และนั่นเองกำลังเป็นปัญหาในการดำเนินชีวิต ไม่สามารถสวมชุดได้อย่างผู้หญิงคนอื่นๆ แต่ในทางกลับกันมันก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

แอนนี่เรื่มสวมชุดชั้นในตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ปี ซึ่งในวัยเด็กก็มักจะถูกเพื่อนๆล้อว่าเธอมีหน้าอกใหญ่บึ้ม เป็นปัญหาหนักอกที่นอกจากจะใหญ่แล้ว ยังทำให้รู้สึกปวดในยามที่ยืนเป็นเวลานานๆ ทั้งที่คนในครอบครัวไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด


Mthai News 

อวัยวะเพศชายหัก เรื่องจริงที่เป็นไปได้

  

อวัยวะเพศชายหัก เรื่องจริงที่เป็นไปได้


เคยทราบข่าวกันมาบ้างหรือป่าวครับ ว่าเคยมีผู้ชายคนโน้นคนนี้เกิดเหตุการณ์อวัยวะเพศหัก ไม่ว่าจะสาเหตุใดก็ตาม บางทีผู้ชายหลายๆคนอาจมองว่ามันอาจเป็นเรื่องตลก คุยกันขำๆกันในหมู่เพื่อนฝูง แต่ขอบอกนะครับ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริงๆมาแล้ว

การที่จะเรียกว่าอวัยวะเพศ "หัก" นั้น จะว่าไปก็ไม่ถูก เพราะว่าอวัยวะเพศชายของเรานั้นมันไม่มีกระดูก มันมีแต่กล้ามเนื้อทั้งนั้นเลยครับ น่าจะเรียกว่าอวัยวะเพศ "ฉีกขาด" ซะมากกว่า การที่อวัยวะเพศชายเกิดการฉีกขาดได้นั้นเกิดจากการฉีกขาดของเยื่อหุ้มรอบแกนขององคชาตินั่นเอง

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนครับว่าอวัยวะเพศชายของเรานั้นมีลักษณะคล้ายๆฟองน้ำที่ทำหน้าที่เก็บกักเลือด และมีเส้นเลือดอยู่ 2 เส้น เวลาเราใช้ชีวิตปกติหลอดเลือดเหล่านี้จะหดตัว ป้องกันไม่ให้เลือดส่วนเกินไหลเข้าสู่อวัยวะเพศ อวัยวะเพศจึงอ่อนตัว แต่เมื่อเราเกิดอารมณ์ทางเพศ หลอดเลือดภายในอวัยวะเพศเกิดการขยายตัว เลือดไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว อวัยวะเพศจึงเพิ่มขนาดขึ้น และเมื่อเลือดไหลเข้ามาจำนวนมากยิ่งขึ้นจนไปเบียดหลอดเลือดดำซึ่งปกติทำหน้าที่ให้เลือดไหลออกจากอวัยวะเพศ ทำให้เลือดไหลกลับไม่สะดวก เกิดเลือดคั่ง อวัยวะเพศจึงขยายใหญ่ขึ้น และเกิดการแข็งตัวนั่นเอง

แล้วในเมื่อมันแข็ง มันก็ต้องมีโอกาสหักหรือฉีกขาดเป็นธรรมดาครับ ลักษณะของตอนที่หักก็จะมีการบวมเพราะเลือดคั่งอยู่ภายใน การรักษาคุณหมอเขาก็จะตรวจสอบบริเวณที่เกิดการหักหรือฉีกขาด แล้วทำการผ่าตัด แล้วเย็บกล้ามเนื้อให้เข้าที่เดิม

สาเหตุหลักๆก็เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์แบบผิดท่าผิดทาง หรือแบบที่รุนแรงเกินไป ท่าหนึ่งที่เป็นท่าที่มีความเสี่ยงมากก็คือท่า Woman on Top นั่นเอง หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยงนะครับ แล้วก็ลดระดับความรุนแรงลงบ้าง

ด้วยความหวังดีจาก Sanook! MEN 

อย่าพลาดกันนะครับ


 

 
อย่าพลาดกันนะครับ


พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 31 กำหนดว่า ห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณดังต่อไปนี้

     1. วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา เว้นแต่เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา
     2. สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สถานพยาบาลตาม ก.ม.ว่าด้วยสถานพยาบาล และร้านขายยาตาม ก.ม.ว่าด้วยยา ยกเว้นบริเวณที่จัดไว้เป็นที่พักส่วนบุคคล
     3. สถานที่ราชการ ยกเว้นบริเวณที่จัดไว้เป็นที่พักส่วนบุคคล หรือสโมสร หรือการจัดเลี้ยงตามประเพณี
     4. สถานศึกษาตาม ก.ม.ว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ยกเว้นบริเวณที่จัดไว้เป็นที่พักส่วนบุคคล หรือสโมสร หรือการจัดเลี้ยงตามประเพณี หรือสถานศึกษาที่สอนการผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และได้รับอนุญาตตาม ก.ม.ว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
     5. สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงตาม ก.ม.ว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง หรือร้านค้าในบริเวณสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง
     6. สวนสาธารณะของทางราชการที่จัดไว้เพื่อการพักผ่อนของประชาชนทั่วไป
     7. สถานที่อื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ

ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คำอธิบาย
กฎหมายฉบับนี้และมาตรานี้มีเจตนาควบคุมการดื่มในศาสนสถานหรือสถานที่อันตราย เพราะการดื่มเหล้าทำให้ขาดสติยั้งคิดและอาจก่อเรื่องร้ายแรงและเป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่นได้ แล้วยังรวมถึงทำลายภาพสถานที่ทางศาสนาด้วย ดังนั้นการดื่มในวัดหรือบริเวณวัด ไม่ว่าจะเป็นงานศพหรืองานบวชซึ่งมิได้มีพิธีกรรมที่ต้องใช้สุราหรือเบียร์ ผู้ดื่มต้องได้รับโทษอาญาตามกฎหมาย สถานที่อีกหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ หรือสถานที่ราชการ หรือสถานที่อันตราย เช่น ร้านขายยา สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง โรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน มหาวิทยาลัย สวนสาธารณะ เป็นต้น ล้วนอยู่ในบังคับของกฎหมายนี้

นักดื่มทั้งหลายพึงระวังการดื่มในสถานที่ดังกล่าว เพราะค่าปรับสูงกว่าราคาเครื่องดื่มอย่างมาก ไม่คุ้มแน่ หากท้าทายการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้แลกกับการดื่มเหล้าที่เสี่ยงต่อกฎหมายแล้ว ยังท้าทายความตายจากโรคตับแข็งด้วย 

กินปลา มี "โอเมก้า-3" อายุยืน งานวิจัยจาก "ม.ฮาร์วาร์ด"

กินปลา มี "โอเมก้า-3" อายุยืน งานวิจัยจาก "ม.ฮาร์วาร์ด"


2 เม.ย. 56 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ว่า ผลการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์แห่งคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในสหรัฐฯ ระบุว่าผู้ใหญ่ที่อายุ 65 ปีหรือมากกว่านี้ขึ้นไปที่กินปลาเป็นประจำอาจมีชีวิตยืนยาวเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่ไม่บริโภคกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่พบในอาหารทะเลถึง 2 ปี  นอกจากนี้ผู้ที่มีระดับโอเมก้า-3 ในปริมาณสูงยังมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจร้อยละ 35 น้อยกว่าผู้ที่มีระดับความดันโลหิตต่ำ

ขณะที่ผลการศึกษาอื่นได้พิสูจน์การเกี่ยวโยงระหว่างโอเมก้า-3 กับความเสี่ยงต่ำของโรคหัวใจ และการวิจัยนี้กำลังตรวจสอบประวัติของผู้สูงวัยเพื่อหาข้อสรุปการเกี่ยวโยงระหว่างการกินปลากับความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต

สำหรับโอเมก้า-3 พบได้ในปลา เช่น ปลาแซลมอน, ทูน่า, ซาร์ดีน และแมคเคอเรล

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

Fwd: [noolex] การไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน

 




การไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน 


              การไหว้พระสวดมนต์เป็นขนบธรรมเนียม เป็นแบบแผน และเป็นหลักปฏิบัติเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยแต่โบราณ


การสวดมนต์ก่อนนอนเป็นกุศโลบายเพื่อผ่อนคลายจิต หรือเป็นการลดระดับจิตที่วิ่งวุ่นมาทั้งวัน ให้สงบระงับก่อนก้าวลงสู่ความหลับ เพื่อไม่ให้หลับไปพร้อมกับความกระวนกระวายกระสับกระส่าย


               การนอนเป็นอิริยาบถใหญ่ที่สำคัญของคนเรา พระพุทธเจ้าทรงสอนเราให้รู้จักใช้การนอนทำสมาธิอีกอิริยาบถหนึ่ง นอกเหนือจากการทำสมาธิแบบนั่ง(สมาธิ)และเดิน(จงกรม) เป็นการใช้การนอนบริหารจิตใจให้สะอาดผ่องใสงดงาม ไม่หยาบกระด้างก้าวร้าว


               การไหว้พระก่อนนอนเป็นรูปแบบวิถีชีวิตอันงดงามของชาวไทยมาแต่โบราณ ว่าโดยรูปแบบการไหว้พระก่อนนอนยึดแบบมาจากการทำสมาธิ   แต่แทนที่จะใช้วิธีการนั่งบริกรรมคำใดคำหนึ่ง เช่น พุทโธพองหนอ-ยุบหนอสัมมา-อะระหัง เป็นต้น เพื่อเป็นสื่อให้เข้าถึงความสงบ ก็กลับใช้การไหว้พระสวดมนต์เป็นอุบาย


               การไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนจึงเป็นวิธีการเข้าสู่สมาธิตามวิถีชีวิตแบบไทยๆ มาแต่โบราณ   เพื่อเป็นสื่อให้เข้าสู่ความหลับอย่างสบายไม่กระสับกระส่าย เมื่อหลับก็ไม่ฝันร้าย ตื่นก็สดชื่นไม่ง่วงซึม เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจักเกิดเหตุร้ายในชีวิตก็ทำให้เกิดนิมิตรู้ล่วงหน้า ที่เรียกว่า "เทวสังหรณ์"  คือเทวดาบอกเหตุล่วงหน้า


 


ที่มาจากหนังสือ ลูกผู้ชายต้องบวช ผู้แต่ง ญาณวชิระ

 

ทำไม..จึงควรนวดตัวแผนไทยก่อนแล้วจึงนวดน้ำมัน

การที่หมอนวดธงชัย นำเอาวิชาการนวดแผนไทยแบบประยุกต์มาบริการให้กับคุณๆก่อนการนวดน้ำมันหอมระเหยหรือนวดน้ำมันใน Package 3 ชั่วโมงนั้น 
นับเป็นการปฏิวัติวงการนวดนอกสถานที่ทีเดียวครับ เพราะหมอนวดนอกสถานที่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดนั้น ก็จะไม่บริการให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดแบบนี้แน่นอน
เพราะอะไรหรือครับ...ก็เพราะว่าหมอนวดที่รับนวดสถานที่ส่วนใหญ่ ไม่ได้เรียนหรือได้รับการอบรมการนวดอย่างถูกต้องมาก่อนจากสถาบันไหน คือเป็นประเภท "ครูพักลักจำ" ประมาณว่า..ตนเองไปนวดบ่อยๆก็เลยจำเอาท่าการนวดเหล่านั้นมาใช้ หรือประเภทจำจากเพื่อนๆที่สอนกันต่อๆมา นั่้นเอง ไม่ใช่หมอนวดมีใบประกาศนียบัตรการนวดตัวถึง 5-6 ใบจากสถาบันการนวดทั้งในและต่างประเทศแบบหมอนวดธงชัยครับ ฉนั้น คุณๆจึงมั่นใจได้ 100% ว่า ไม่่เจอหมอนวดประเภทลูบไปลูบมาหรือขยำๆอยู่นั่น...อย่างที่หมอนวดธงชัยได้่รับการบอกเล่าจากลูกค้ามาแล้วแทบทุกคน

คือการบริการนอกสถานที่แบบ Package 3 ชั่วโมงของหมอนวดธงชัยนี้ มีทั้ง 
"นวดจุดใบหน้าด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น (หาอ่านคุณสมบัติของมันได้ใรกูเกิ้ลครับ)" / 
นวดจุดศีรษะแบบอายุรเวทอินเดีย / 
นวดคลายเส้นคลายกล้ามเนื้อแบบแผนไทยประยุกต์ / 
แล้วปิดท้ายด้วยการนวดสปาด้วยน้ำมันหอมระเหย Aromatherapy 

รวมระยะเวลาที่คุณจะได้รับการผ่อนคลายร่างกายอย่างมีความสุขถึง 3 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งไม่เคยมีหมอนวดนอกสถานที่คนใด บริการคุณได้ในรูปแบบของหมอนวดอาชีพแท้ๆแบบนี้ 

มีลูกค้าสุภาพสตรีถามหมอนวดธงชัยบ่อยๆว่า "ทำไมต้องนวดจุดศีรษะ นวดจุดหน้า นวดคลายเส้นคลายกล้ามเนื้อแบบแผนไทยก่อน แล้วจึงค่อยนวดน้ำมันทีหลังสุด?

คำตอบก็คือ "เพื่อให้ทุกส่วนในร่างกายของคุณได้รับการผ่อนคลาย เลือดลมเดินเป็นปกติ ทำให้คุณคลายเครียด ทำให้คุณเบาสบายจากศีรษะจรดปลายเท้าก่อน แล้วจึงนวดสปาด้วยน้ำมันหอมระเหยเป็นลำดับสุดท้าย เพื่อให้คุณรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ท่ามกลางปุยเมฆงัยล่ะครับ 

สิ่งที่หมอนวดธงชัยเขียนมาทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่คุณพิสูจน์ได้ง่ายๆด้วยการลองใช้บริการดู แล้วคุณก็จะเหมือนลูกค้าอีกมากมายที่ประทับใจการบริการของหมอนวดธงชัยมาจนบัดนี้

สำหรับคุณๆที่มีอาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อที่ปวดตึงหรือเคล็ดขัดยอก ในส่วนต่างๆของร่างกาย ก็จะได้รับการบำบัดให้หายและเบาสบายตัวก่อนรับการนวดน้ำมัน Aromatherapy ที่จะทำให้คุณผ่อนคลายความเครียด ความกังวล ความอ่อนล้าลงได้ทั้งหมดภายหลังเสร็จสิ้นการบริการ


การนวดแผนไทยแบบประยุกต์ของผมนั้น ขอให้คุณมั่นใจได้ครับว่า คุณจะไม่รู้สึกเจ็บระบมภายหลังการนวดอย่างเด็ดขาด เนื่องจากผมได้นำเอาวิชาการนวดแผนไทยแบบ "ราชสำนัก" มาประยุกต์ใช้กับการนวดแบบ "เชลยศักดิ์" เข้าด้วยกัน และยังนำเอาศาสตร์การนวดจุดใบหน้า-ศีรษะของอายุรเวทอินเดียมาบริการให้คุณด้วยก่อนการนวดน้ำมัน Aromatherapy เป็นลำดับสุดท้าย


ซึ่งทั้งหมดนี้ ผมจึงกล้ารับรองได้ว่า หลังจากการบริการของผมแล้ว คุณจะรู้สึกโล่ง..เบาสบาย หายจากอาการเครียด อาการอ่อนล้าและปวดตึงตามส่วนต่างๆของร่างกาย คุณจะรู้สึกได้ทันทีถึงเบาสบายตัวที่ได้รับ


ประโยชน์ของการนวดในรูปแบบนี้

1. เพื่อช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเส้นเอ็นที่เมื่อยล้า ปวดตึงและบำบัดอาการเคล็ดขัดยอกต่างๆที่อาจเกิดกับกล้ามเนื้อเส้นเอ็นต่างๆได้เป็นอย่างดี เช่น.. 

-อาการปวดหลัง 
-ปวดบั้นเอว 
-ปวดต้นคอ 
-ปวดเสียวสะโพกต้นขา
-ปวดหัวเข่า
-น่องตึง เป็นตะคริวบ่อย 
-อาการชาตามแขนขาตลอดถึงปลายนิ้ว 
-สายตาพร่ามัว 
-สมองมึนงง เบลอ 
-ปวดศีรษะบ่อย ปวดไมเกรน 
-ปวดตึงต้นคอ เป็นต้น 

ซึ่งอาการทั้งหลายเหล่านี้ เป็นอาการที่มักเกิดกับผู้ที่ทำงานในออฟฟิศ งานนั่งโต๊ะประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานที่ต้องนั่งใช้คอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา 


2. เป็นการช่วยให้เลือดลมไหลเวียนทั่วร่างกายได้เป็นปกติและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ส่งผลให้มีสมาธิความจำดีขึ้น โลหิตไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายและสมองได้ดีขึ้น ปลายประสาททั่วร่างกายได้รับการกระตุ้น ทำให้รู้สึกโล่ง เบาสบายได้ทันทีหลังการนวด และด้วยการนวดกดจุดศีรษะ/ใบหน้าตามแบบอายุรเวทอินเดียที่นวดเสริมพิเศษในการนวดตัวแผนไทยด้วยนี้ จะช่วยบำบัดอาการเครียด เบลอ ปวดหัวไมเกรนฯลฯ ได้ดีครับ

ดังนั้น...เมื่อคุณได้รับการนวดตัวแผนไทยแล้วต่อด้วยการนวดสปาด้วยน้ำมันหอมระเหย Aromatherapy ที่ผมบริการให้ทั้งหมดนี้ ก็จะเป็นกระบวนการผ่อนคลายกล้ามเนื้อในทุกๆส่วนของร่างกายของคุณอย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นการให้อาหารเสริมแก่ผิวกายได้โดยตรง จากคุณค่าของคอลลาเจนและวิตามินอี ในน้ำมัน Aromatherapy ที่ใช้นวดให้คุณ อีกทั้งเป็นนวดเพื่อให้เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วบนผิวหนังชั้นนอกหลุดออกโดยง่ายและร่างกายได้สร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นแทนที่


ทั้งหมดนี้ จึงทำให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่หยาบแห้ง รู้สึกได้ทันทีถึงความเบาสบายจากศีรษะจรดปลายเ้ท้าหลังการนวดเสร็จสิ้น


ซึ่งการบริการนวดจุดหน้าและศีรษะแบบอายุรเวท/การนวดตัวแผนไทยเพื่อคลายกล้ามเนื้อ../แล้วจึงตามด้วยนวดน้ำมันหอมแบบ Spa Aromatherapy นี้ ผมให้บริการเป็น Package ใช้เวลารวม 3 ชั่วโมงเต็ม...ก็คือคำตอบของหมอนวดธงชัยที่บอกคุณว่า...


"ทำไม..จึงควรนวดตัวแผนไทยก่อน..แล้วจึงค่อยนวดน้ำมัน" 


หมอนวดธงชัย

ชะลอวัย..ด้วยตัวเราเอง

 

ชะลอวัย... ด้วยตัวเราเอง

วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 22:06:10 น.






ต้อง ยอมรับว่าวันนี้กระแสชะลอวัยมาแรง เพราะคนยุคใหม่ไม่เพียงแค่ต้องการการมีสุขภาพดียืนยาวเฉกเช่นในอดีตเท่านั้น แต่ยังต้องการคงความอ่อนเยาว์ดูดีไว้ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
แล้วเราจะชะลอวัยกันอย่างไร ?

ศ.น.พ. ธัมม์ทิวัตถ์ นรารัตน์วันชัย นายกสมาคม เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลในงานสัมมนาวิชาการ "แนวทางการดูแลสุขภาพให้ดูดีและอ่อนเยาว์" ซึ่งสมาคมเวชศาสตร์ชะลอวัยฯ ชมรมโภชนวิทยามหิดล วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก และผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองดีน่าได้จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า
แนวทางการดูแลสุขภาพให้ดูดีและอ่อนเยาว์นั้น ควร เริ่มต้นจากตัวเรา โดยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและปราศจากโรคต่าง ๆ เพราะเมื่อสุขภาพร่างกายอยู่ในภาวะที่แข็งแรง จิตใจเราจะไม่เครียด และจะส่งผลให้หน้าตาผิวพรรณดูเปล่งปลั่งอ่อนกว่าวัยด้วย 

ซึ่งเราทุกคนสามารถเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้ ด้วยการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตใหม่อย่างถูกต้อง 

เริ่ม ตั้งแต่เรื่องอาหาร ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ เราควรกินอาหารให้เป็นยา เพราะอาหารเป็นสิ่งที่เราต้องรับประทานเข้าไปทุกวัน การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ 

และต้องตัดพฤติกรรมที่บั่นทอนสุขภาพ คือ งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน รวมถึงอาหารประเภททอด ปิ้ง หรือย่าง หลีกเลี่ยงแดดจัดในช่วง 09.00-15.00 น. และเลี่ยงภาวะตึงเครียดต่าง ๆ ที่จะทำให้สุขภาพจิตเสื่อมลง จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของเราให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ด้าน ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์นักโภชนาการ จากชมรมโภชนวิทยามหิดล ระบุว่า ในการดูแลสุขภาพผิวพรรณให้ดูดีและอ่อนเยาว์ของหนุ่ม-สาวยุคใหม่มักจะให้ความ สำคัญกับการดูแลจากภายนอก การใช้เครื่องสำอางแพง ๆ หรือการพึ่งนวัตกรรมใหม่ ๆ ทางการแพทย์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการดูแลจากภายนอกจะช่วยได้เพียง 30% เพราะผิวหนังไม่ใช่กระเพาะอาหาร จึงไม่สามารถดูดซึมเครื่องสำอางได้ทั้งหมด 

ส่วน การทำศัลยกรรมก็เป็นการแก้ไขเฉพาะจุด แต่อวัยวะข้างในหากไม่ได้รับการดูแลที่ดีก็จะเสื่อมและถดถอยไปตามอายุที่มาก ขึ้น ทางที่ดีควรดูแลร่างกายทั้งระบบจากภายใน ด้วยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ รวมถึงการที่เลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ และงาดำ 

โดยเฉพาะในงาดำนั้นจะมีทั้งแคลเซียมและไฟเบอร์สูง ซึ่งจะช่วยไปดักจับไขมัน และสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ให้ขับออกจากร่างกายได้มากขึ้น อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่ได้จากวิตามินอีในงาดำเป็นวิตามินอีจาก ธรรมชาติที่ได้จากอาหาร จึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี มากกว่าการซื้อวิตามินอีสกัดมารับประทานเอง สารต้านอนุมูลอิสระในงาดำ จึงมีส่วนช่วยชะลอวัยได้โดยการที่ร่างกายสามารถขับของเสียได้เร็วกว่าเดิม ทำให้การสะสมของสารพิษในร่างกายลดลง ร่างกายทำงานน้อยลง 

ซึ่งมีการ ศึกษาออกมาแล้วว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง หรือการรับประทานผักผลไม้ จะดูมีความอ่อนเยาว์มากกว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระต่ำ และไม่เพียงแต่ชะลอวัยจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังสามารถบำรุงจากภายในได้ด้วยสุขภาพจะดีและไม่เสื่อมสภาพเร็วอีกด้วย 

สำหรับ การออกกำลังกาย นอกจากจะมีส่วนช่วยให้เรามีสุขภาพดีแล้ว การออกกำลังกายทุกประเภทยังมีส่วนช่วยชะลอวัยให้กับเราได้ โดย ดร.คุณัตว์ พิธพรชัยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยศิลปากร แนะนำว่า การออกกำลังกายที่ทำให้เราดู อ่อนเยาว์นั้น ต้องออกแบบต่อเนื่อง 20-60 นาที เพื่อให้ร่างกายได้มีการใช้ออกซิเจนและเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น ทำให้ผิวได้รับออกซิเจนได้ในปริมาณที่สูงขึ้น ช่วยให้การเสื่อมสภาพ หรือการคงตัวของผิวได้ยาวนานขึ้น 

จะเห็นว่าแค่เรารับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อ ผิวพรรณจะทำให้ร่างกายมีความอ่อนเยาว์ หากจะชะลอวัยก็ควรเริ่มต้นแต่วันนี้



ขอแนะนำ Blog ดีๆ มีสาระน่ารู้เพียบ

Fwd: Dubai

 


I found these pics from the Internet - the night view of Dubai. Omg, so beautiful. It's something that I won't be able to find elsewhere. Not sure if I can see the similar view in KL. Well I'm staying in a small village in a small town, and I seldom go to town nor city nowadays, so such view is just so fascinating for me. I'm sure you guys are amazed as well right?

Life is big city is complicated. People in big city is complicated. Going to city once awhile is fine, but staying there will be killing me. I prefer a simple life, it's much more peaceful that way. Maybe I should move to graveyard. I think it should be very peaceful and quiet there... very scary tho.

Anyway, the view is just awesome. Really beautiful. Well this reminds me, there was once I went to city with friends, I found something very interesting and "wow" here and "wow" there. Then my friends said, "Now everyone knows you are from rural area"... They said,

大乡里出城, or in English, the country bumpkin going to town.

Bla bla bla.

I'm going to bed now.

R  

ไม่เกินฝึกฝน

 

Fwd: [Uncle Taro(tm)] อาการบาดเจ็บทางสมองยอดเยี่ยม อันดับที่ 3: Face Blind (โรคตาบอดหน้า)

 

อาการบาดเจ็บทางสมองยอดเยี่ยม อันดับที่ 3: Face Blind (โรคตาบอดหน้า)


การมองเป็นเรื่องซับซ้อนนะครับ แต่การ "เห็น" ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

การที่เรามองอะไรซักอย่างแล้วกว่าจะ "เห็น" และแยกแยะออกได้ว่ามันคืออะไรนั้นต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการภายในสมองมากมายหลายขั้น หากส่วนประมวลข้อมูลส่วนใดส่วนหนึ่งเจ๊งไป เราก็อาจจะมองเห็นบางอย่าง แต่ไม่เห็นอีกบางอย่าง อันนี้ก็เป็นได้ เอาง่ายๆก่อน อย่างเช่นตาบอดสี คนบางคนสามารถบาดเจ็บที่สมองแล้วเกิดเป็นตาบอดสีได้ ซึ่งก็คือมองเห็นภาพ แต่ไม่เห็นสี เห็นเป็นขาวดำแทน ประหลาดขึ้นมาอีกนิด บางคนเป็นโรคตาบอดไหว (Motion Blind) คือไม่สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวได้ เวลามองอะไรก็จะเห็นเป็นภาพนิ่งหมด แต่ภาพนิ่งนี้จะรีเฟรชตัวเองทุกๆ 3 วินาที เหมือนเฟรมหนังที่ความถี่ต่ำมากๆ อย่างเช่นถ้าข้ามถนนอยู่ หันไปวูบแรก อาจจะเห็นเป็นภาพนิ่ง รถสิบล้ออยู่ห่างออกไป 100 เมตร พอรีเฟรชอีกที อ้าวเฮ้ย! มันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว! อะไรแบบนี้เป็นต้น

ทีนี้มาถึงโรคตาบอดหน้าซึ่งเป็นหัวข้อหลักของเรา สมองมีส่วนที่อุทิศให้กับการวิเคราะห์แยกแยะจดจำใบหน้าต่างๆโดยเฉพาะ หากส่วนนี้เกิดบอดขึ้นมา คนที่เป็นก็จะไม่สามารถมองออกว่าหน้าคนแต่ละคนมีความแตกต่างกันยังไง แม้กระทั่งหน้าเพื่อนสนิท หรือหน้าคนในครอบครัว หรือกระทั่งหน้าคนที่มีชื่อเสียง ก็จะไม่สามารถระบุได้เลยว่าใครเป็นใครบ้าง เรียกได้ว่าสำหรับคนที่เป็นโรคนี้คนทุกคนในโลกล้วนหน้าตาเหมือนกันหมด แม้แต่นักร้องเกาหลีเรนกับเท่งเถิดเทิงก็ยังแยกจากกันไม่ออก เหมือนกับเวลาเราเห็นวัวยืนอยู่ด้วยกันเป็นฝูงแล้วก็รู้สึกว่า เออ...ทุกตัวมันก็หน้าเหมือนๆกันหมด อย่างไรอย่างนั้น

คนเหล่านี้เวลาเจอคนรู้จักต้องอาศัยฟังเอาจากเสียง หรือไม่ก็ดูจากรูปร่างส่วนสูง ดูจากการแต่งตัว ดูจากสถานที่สถานการณ์เอา ถึงจะสามารถจดจำได้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร ผมเคยฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง ดีเจที่จัดเป็นนักมายากลซึ่งมีชื่อเสียงมากของอเมริกาชื่อ เพ็นน์ จิลเล็ต (Penn Jillette) เจ้าตัวบอกว่าเค้ามีอาการตาบอดหน้าแบบอ่อนๆมาตั้งแต่กำเนิด (คือไม่ใช่แยกแยะไม่ได้เลย แต่แค่ห่วยกว่าคนธรรมดาทั่วไปเฉยๆ) แล้วก็เล่าวิถีชีวิตให้ฟังว่า เวลาลงจากเครื่องบินเขาก็ต้องรีบเอาแม็กกาซีนออกมานั่งอ่าน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้รอให้คนที่มารับนั้นเดินเข้ามาทักเอง เพราะตัวเขาไม่สามารถที่จะจดจำหน้าเดินเข้าไปทักใครก่อนได้ แล้วมีอยู่คืนนึงหลังจากที่เขาแสดงมายากลเสร็จ มียายแก่ๆคนหนึ่งเดินเข้ามาขอลายเซ็นต์ คุณเพ็นน์ก็มองหน้าสบตากับแกแล้วก็ถามว่า "ได้เลยครับ จะให้เซ็นต์ถึงใครดีครับ?" ยายแก่คนนั้นยืนนิ่งอยู่พักนึง จากนั้นก็ถอนหายใจ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งๆว่า "เพ็นน์...นี่แม่แกเอง"

คนตาบอดหน้าคนหนึ่งชื่อคุณเกล็น เป็นหนักถึงขนาดที่ว่าต้องไว้เคราใส่หมวกเอาไว้ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นจะจำหน้าตัวเองไม่ได้


ความรู้ไม่มีวันหมด

  
 -ความรู้ไม่มีวันหมด-

บังเอิญจะเดินเข้าไปซื้อ หนังสือดีๆ ซักสองเล่ม ใน ซีเอ็ดบุ๊ค สาขาแมคโคร แถวๆบ้าน ก็ไปเดินผ่านหมวดภาษา 
ก็สะดุดตากับ คุณลุงท่านนี้ ที่กำลังเปิดอ่าน หนังสือภาษาอังกฤษในหมวดหมู่การออก เสียงภาษาอังกฤษ 
( ถ้าสังเกตดีๆ จะมีตัวอักษร IPA กำกับการอ่านไว้ด้วย) ซึ่งก็แปลกใจกับคุณลุง ด้วยความที่เรียนภาษาอังกฤษมา 
จึงสอบถามเล่นๆ ว่าคุณลุงอ่านอะไรอยู่ ได้คำตอบมาว่า "ก็อ่านภาษาอังกฤษครับผม" ผมก็เลยถามไปว่า คุณลุงเข้าใจภาษาพวกนี้มั้ย (IPA) 
ลุงแกก็บอก "ไม่รู้หรอก แต่พยายามจับต้นชนปลาย นี่ก็มาได้เกือบเดือนแล้ว มาอ่านฟรีที่นี่ทุกวัน จนพนักงานจำหน้าได้แล้ว บางทีก็เอาน้ำมาเสริฟ น่ารักกันมาก" 
ผมก็เลย พยายามอธิบาย IPA อย่างย่อๆให้ฟัง คุณลุงก็ทำหน้าฉงน แต่ก็ฝึกปรือได้ ใช้เวลาเพียง 5 นาที ลุงแกก็เข้าใจในบางส่วนพอที่จะ เอาไปปะติดปะต่อได้ 
อย่างไรก็ตามคำถามต่อไปคือ " ลุงจะเอาไปทำอะไรอะครับ อ่านไปทั้งหมดนี่อะ (ลุงแกอ่านดิคชั่นนารีด้วยนะ)" 
สิ่งที่ลุงแกตอบกลับมา เป็นประโยชน์ต่อผมและคนอื่นๆมาด้วยใจความประมาณว่า

"คนเราทุนชีวิต ทุนศึกษา ทุนความรู้มันต่างกัน บางคนก็ได้เรียนสูง บางคนก็ไม่มีโอกาสเรียน อะไรที่สามารถเอาความรู้ใส่ตัวได้ ย่อมเกิดผลดี 
อย่างลุง จบ ป.4 ไม่มีงานทำ ได้ขายตั๊กแตนสาน ตามตลาดนัด ตามแมคโคร ก็ถือว่า พอมีจะกินให้พ้นๆไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รู้มั้ยว่า 
 แค่เราใช้เวลามานั่งอ่าน ไอ้ภาษานี่ ทุกวัน ๆ วันละ 2 ทุ่ม ถึง 4 ทุ่ม ลุงคิดว่า ลุงจะเอาไปทำมาหากินอื่นๆได้บ้าง 
ได้ขายของฝรั่ง ได้คุยกับฝรั่งได้บ้าง คงทำอะไรได้ดีกว่า สานตั๊กแตน เพื่อหาเงินไปวันๆ อย่างหนูได้เรียนดีๆ คงจะได้งานดีๆ 
 แต่อย่าลืมที่จะหาความรู้เข้าตัวตลอดเวลานะ หนูยังมีโอกาส มีทุนชีวิตที่ดี ไขว้คว้าไว้ อย่าให้หลุดมือ มันจะเสียของ" 

หลังจากที่ลุงแกพูดจบผมก็ขอตัว ไปหาหนังสือต่อ ก่อนไปผมก็ลาแกเป็น ภาษาอังกฤษเล็กๆว่า Good bye แกก็ตอบกลับมาว่า Good bye and Good night 

ผมรู้สึกได้ว่าลุงแกได้สอนอะไรหลายๆอย่าง ให้ข้อคิดดีๆ เรื่องทุนชีวิต โอกาสการศึกษาที่แตกต่างกันในโลกใบ นี้ 
เรื่องการหาความรู้ เพื่อพัฒนาตัวเองตลอดเวลา อีกทั้งเรื่อง ภาษาอังกฤษ ที่จะต่อยอด แม้ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ แต่ถ้ามีโอกาส 
จงนำมันใส่ตัวไว้ รับรองว่า ได้ใช้อย่างแน่นอน