ads by google

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Antwerp Belgium Sound Of Music


kang.tangrak@gmail.com ได้แบ่งปันวิดีโอบน YouTube กับคุณ
Antwerp Belgium Sound Of Music
โดย dudiuk
©2013 YouTube, LLC 901 Cherry Ave, San Bruno, CA 94066


YouTube...รักทำให้ตาบอด





          
Romantico- mais visto no Mundo - Amor de verdade - legendado
โดย EdgarHarada
Clip- Kiss, coreano legendado portugues, no final show ao vivo, historia linda, curta metragen, triste, declaracao, romance, amores, voce vai chorar, uma prova de amor inesperavel,
©2013 YouTube, LLC 901 Cherry Ave, San Bruno, CA 94066




WHAT A PROJECT! [1 Attachment]


อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น





หลวงปู่ชา สุภัทโท สอนคนที่ชอบยุ่งกับเรื่องของคนอื่นว่า ..       อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น   ภาวนามากๆ  ดูตัวเองมากๆ   หลวงปู่บอกว่า ..   "ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90%  ดูตัวเองแค่ 10%"   คือ  คอยดูแต่ความผิดของคนอื่น  เพ่งโทษคนอื่น   คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น       กลับเสียใหม่นะ   ดูคนอื่นเหลือไว้ 10%   ดูเพื่อศึกษาว่า  เมื่อเขาทำอย่างนั้น   คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร   เพื่อเอามาสอนตัวเองนั้นแหละ   ดูตัวเอง  พิจารณาตัวเอง 90%   จึงเรียกว่าปฎิบัติธรรมอยู่       ธรรมชาติของจิตใจมันเข้าข้างตัวเอง   โบราณพูดว่า  เรามักจะเห็น  ความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา   ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม   มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย   เราต้องระวังความรูสึกนึกคิดของตัวเองให้มากๆ       เห็นความผิดของคนอื่น  ให้หารด้วย 10   เห็นความผิดของตนเอง  ให้คูณด้วย 10   จึงจะใกล้เคียงกับความจริงและยุติธรรม   เพราะเหตุนี้เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมากๆ   และตำหนิติเตียนตัวเองมากๆ   แต่ถึงอย่างไรๆ เราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั้นแหละ       พยายามอย่าสนใจการกระทำ  การปฎิบัติของคนอื่น   ดูตัวเอง  สนใจแก้ไขตัวเองนั้นแหละมากๆ   เช่น  เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ   แล้วเกิดอารมณ์ร้อนใจ ..       ยังไม่ต้องบอกเขาให้แก้ไขอะไรหรอก   รีบแก้ไข  ระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน   เห็นอะไร  คิดอะไร  รู้สึกอย่างไร  ก็สักแต่ว่าใจเย็นๆ ไว้ก่อน   ความเห็น  ความคิด  ความรู้สึกก็ไม่แน่ใจ..   ไม่แน่..อาจจะถูกก็ได้  อาจจะผิดก็ได้   เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้   สักแต่ว่า..  สักแต่ว่า.. ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด       ดูใจเราก่อน  สอนใจเราก่อน  หัดปล่อยวางก่อน   เมื่อจิตสงบแล้ว  เมื่อจิตปกติแล้ว   จึงค่อยพูด  จึงค่อยออกความคิดเห็น   พูดด้วยเหตุ  ด้วยผล  ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา   ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด..   ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น   ทำให้เสียความรู้สึกของตนเอง   ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร   มักจะเสียประโยชน์ด้วยซ้ำไป       เพราะฉะนั้น  อยู่ที่ไหน  อยู่ที่วัด  อยู่ที่บ้าน   ก็สงบๆ ๆ  ไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิดๆ ๆ   ดูแต่ตัวเรา  ระวังความรูสึก  ระวังอารมณ์ของเรามากๆ   พยายามแก้ไข  พัฒนาตัวเรา.. นั้นแหละ       เห็นอะไรชอบ  ไม่ชอบ  ปล่อยไว้ก่อน   เรื่องของคนอื่น  พยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา   ถ้าไม่ระวัง  ก็จะยุ่งแต่เรื่องของคนอื่นไปเรื่อยๆ   หาเรื่องอยู่อย่างนั้น   เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราไปหมด   มีแต่ยินดี  ยินร้าย  พอใจ  ไม่พอใจ  ทั้งวัน   อารมณ์มาก  จิตไม่ปกติ  ไม่สบาย  ทั้งวันๆ ก็หมดแรง       ระวังนะ   พยายามตามดูจิตของเรา   รักษาจิตของเราให้ปกติให้มาก   ใครจะเป็นอะไร  ใครจะทำอะไร  ดีหรือไม่ดี  เรื่องของเขา   แม้เขาจะทำกับเรา  ว่าเรา..  ก็เป็นเรื่องของเขา   อย่าเอามาเป็นอารมณ์   อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา       ดูใจเรานั้นแหละ   พัฒนาตัวเองนั้นแหละ   ทำใจเราให้ปกติ  สบายๆ มากๆ   หัด-ฝึก  ปล่อยวาง นั้นเอง   ไม่มีอะไรหรอก   ไม่มีอะไรสำคัญกว่ากการตามรักษาจิตของเรา   คิดดี  พูดดี  ทำดี  มีความสุข..
หลวงปู่ชา สุภัทโท สอนคนที่ชอบยุ่งกับเรื่องของคนอื่นว่า .. 

อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น 
ภาวนามากๆ ดูตัวเองมากๆ 
หลวงปู่บอกว่า .. 
"ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90% ดูตัวเองแค่ 10%" 
คือ คอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น 
คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น 

กลับเสียใหม่นะ 
ดูคนอื่นเหลือไว้ 10% 
ดูเพื่อศึกษาว่า เมื่อเขาทำอย่างนั้น 
คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร 
เพื่อเอามาสอนตัวเองนั้นแหละ 
ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง 90% 
จึงเรียกว่าปฎิบัติธรรมอยู่ 

ธรรมชาติของจิตใจมันเข้าข้างตัวเอง 
โบราณพูดว่า เรามักจะเห็น ความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา 
ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม 
มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย 
เราต้องระวังความรูสึกนึกคิดของตัวเองให้มากๆ 

เห็นความผิดของคนอื่น ให้หารด้วย 10 
เห็นความผิดของตนเอง ให้คูณด้วย 10 
จึงจะใกล้เคียงกับความจริงและยุติธรรม 
เพราะเหตุนี้เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมากๆ 
และตำหนิติเตียนตัวเองมากๆ 
แต่ถึงอย่างไรๆ เราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั้นแหละ 

พยายามอย่าสนใจการกระทำ การปฎิบัติของคนอื่น 
ดูตัวเอง สนใจแก้ไขตัวเองนั้นแหละมากๆ 
เช่น เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ 
แล้วเกิดอารมณ์ร้อนใจ .. 

ยังไม่ต้องบอกเขาให้แก้ไขอะไรหรอก 
รีบแก้ไข ระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน 
เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ก็สักแต่ว่าใจเย็นๆ ไว้ก่อน 
ความเห็น ความคิด ความรู้สึกก็ไม่แน่ใจ.. 
ไม่แน่..อาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้ 
เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้ 
สักแต่ว่า.. สักแต่ว่า.. ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด 

ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน 
เมื่อจิตสงบแล้ว เมื่อจิตปกติแล้ว 
จึงค่อยพูด จึงค่อยออกความคิดเห็น 
พูดด้วยเหตุ ด้วยผล ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา 
ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด.. 
ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น 
ทำให้เสียความรู้สึกของตนเอง 
ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร 
มักจะเสียประโยชน์ด้วยซ้ำไป 

เพราะฉะนั้น อยู่ที่ไหน อยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน 
ก็สงบๆ ๆ ไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิดๆ ๆ 
ดูแต่ตัวเรา ระวังความรูสึก ระวังอารมณ์ของเรามากๆ 
พยายามแก้ไข พัฒนาตัวเรา.. นั้นแหละ 

เห็นอะไรชอบ ไม่ชอบ ปล่อยไว้ก่อน 
เรื่องของคนอื่น พยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา 
ถ้าไม่ระวัง ก็จะยุ่งแต่เรื่องของคนอื่นไปเรื่อยๆ 
หาเรื่องอยู่อย่างนั้น 
เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราไปหมด 
มีแต่ยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจ ทั้งวัน 
อารมณ์มาก จิตไม่ปกติ ไม่สบาย ทั้งวันๆ ก็หมดแรง 

ระวังนะ 
พยายามตามดูจิตของเรา 
รักษาจิตของเราให้ปกติให้มาก 
ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา 
แม้เขาจะทำกับเรา ว่าเรา.. ก็เป็นเรื่องของเขา 
อย่าเอามาเป็นอารมณ์ 
อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา 

ดูใจเรานั้นแหละ 
พัฒนาตัวเองนั้นแหละ 
ทำใจเราให้ปกติ สบายๆ มากๆ 
หัด-ฝึก ปล่อยวาง นั้นเอง 
ไม่มีอะไรหรอก 
ไม่มีอะไรสำคัญกว่ากการตามรักษาจิตของเรา 
คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข..





YouTube...ธรรมชาติแห่งความสุข



 
ธรรมชาติแห่งความสุข
โดย chasam4979
พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส
วัดพระธาตุผาแก้ว

ชมทิวทัศน์ประเทศในยุโรบ พร้อมรับธรรมะถ่ายทอดจากพระอาจารย์
©2013 YouTube, LLC 901 Cherry Ave, San Bruno, CA 94066



--

--
--
========================================================
เพื่อนๆ ได้รับ ฟอร์เวิร์ดเมล์บันเทิงจาก :: DooShow Group :: enjoy your forward mailing group ::
========================================================
ดูเมล์ทั้งหมดของกลุ่มได้ที่ http://groups.google.com/group/dooshow?hl=th
ส่งเมล์เข้ากลุ่มได้ที่ dooshow@googlegroups.com ( ขนาดของเมล์รวมกันแล้วไม่เกิน 1 Mb)
สมัครรับเมล์-ส่งเมล์เปล่ามาที่ dooshow-subscribe@googlegroups.com
ลาออกจากกลุ่ม-ส่งเมล์เปล่ามาที่ dooshow-unsubscribe@googlegroups.com
 
 
กรุณาใช้ถ้อยคำที่สุภาพด้วยครับ
===============================
---
คุณได้รับข้อความนี้เนื่องจากคุณสมัครรับข้อมูลจากกลุ่ม "DooShow" ของ Google Groups
หากต้องการยกเลิกการสมัครรับข้อมูลและหยุดรับอีเมลจากกลุ่มนี้ ให้ส่งอีเมลไปที่ dooshow+unsubscribe@googlegroups.com
หากต้องการดูตัวเลือกเพิ่มเติม กรุณาดูที่ https://groups.google.com/groups/opt_out
 
 

OPOSSUM


 




La Sologne






Sologne , a region of north-central France
Sologne , a region of north-central France extending over portions of the départements of Loiret, Loir-et-Cher and Cher. Its area is about 5,000 square kilometres, and its boundaries are on the north the river Loire, on the south the Cher and on the east the districts of Sancerre and Berry.
Contents 
 
The Sologne is watered by the Cosson and the Beuvron, tributaries of the Loire, and the Sauldre, an affluent of the Cher, all three having a west-south-westerly direction. The pools and marshes which are characteristic of the region are due to the impermeability of its soil, which is a mixture of sand and clay.
 



--

--
--
========================================================
เพื่อนๆ ได้รับ ฟอร์เวิร์ดเมล์บันเทิงจาก :: DooShow Group :: enjoy your forward mailing group ::
========================================================
ดูเมล์ทั้งหมดของกลุ่มได้ที่ http://groups.google.com/group/dooshow?hl=th
ส่งเมล์เข้ากลุ่มได้ที่ dooshow@googlegroups.com ( ขนาดของเมล์รวมกันแล้วไม่เกิน 1 Mb)
สมัครรับเมล์-ส่งเมล์เปล่ามาที่ dooshow-subscribe@googlegroups.com
ลาออกจากกลุ่ม-ส่งเมล์เปล่ามาที่ dooshow-unsubscribe@googlegroups.com
 
 
กรุณาใช้ถ้อยคำที่สุภาพด้วยครับ
===============================
---
คุณได้รับข้อความนี้เนื่องจากคุณสมัครรับข้อมูลจากกลุ่ม "DooShow" ของ Google Groups
หากต้องการยกเลิกการสมัครรับข้อมูลและหยุดรับอีเมลจากกลุ่มนี้ ให้ส่งอีเมลไปที่ dooshow+unsubscribe@googlegroups.com
หากต้องการดูตัวเลือกเพิ่มเติม กรุณาดูที่ https://groups.google.com/groups/opt_out
 
 

10 วิธี แก้อาการนอนหลับยาก


10 วิธี แก้อาการนอนหลับยาก
 


 
1. นอนนับแกะ 

ก่อนนอนคุณควรจะปล่อยใจให้ว่าง และลบทุกความคิดออกจากสมองของคุณให้หมด เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นอนไม่หลับ ดังนั้นหากคุณกำลังคิดมากหรือมีเรื่องค้างคาใจอยู่ ก็ลองใช้วิธีนับแกะกันดูนะครับ เพราะการนับแกะนั้นจะช่วยดึงความสนใจจากเรื่องต่าง ๆ ตัดความคิดอื่น ๆ ออกไปจนทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ควรทำติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะช่วยให้เห็นผลได้เร็วขึ้น 

2. จัดการความเครียดด้วยการเขียน 

ปัญหา และเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ผ่านเข้ามานั้นอาจจะทำให้คุณวิตก และเพิ่มความเครียดให้กับตัวเองมากขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรระบายเรื่องที่ค้างคาใจออกมาให้หมดเสียก่อน หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบเล่าปัญหาให้ใครต่อใครฟัง ก็ลองเปลี่ยนวิธีมาใช้วิธีการเขียนบันทึกประจำวันถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสมุดบันทึกแทนดูสิ เพราะการเขียนระบายความคับข้องใจออกไปผ่านตัวหนังสือสามารถช่วยให้จิตใจของคุณสงบลง และนอนหลับได้ดีเช่นกัน 



 3. ทำกิจกรรมเบา ๆ 

ตัวอย่างเช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ เป็นต้น แต่ทั้งนี้คุณควรเลือกเพลงที่มีจังหวะช้า ๆ ฟังสบายอย่างเพลงบอสซ่า แจ๊ส หรือป็อบ หรือจะดูรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาสบาย ๆ ไม่ก็อ่านหนังสือสักเล่มก็ได้ เพราะสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้สึกเพลิดเพลิน จนทำให้รู้สึกง่วงนอนเร็วกว่าปกติ

 4. เข้านอนให้เร็วขึ้น 

การนอนดึกติดต่อกันเป็นระยะเวลานานก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการนอนหลับได้เช่นกัน เนื่องจากร่างกายของคนเรามีกลไกคล้ายนาฬิกา ดังนั้นหากคุณนอนผิดเวลา ระบบการทำงานในร่างกายของคุณก็จะแปรปรวน และทำให้นอนได้น้อยลง ซึ่งคุณควรแก้ไขโดยการเข้านอนให้เร็วกว่าปกติประมาณ 15-30 นาที ก็จะช่วยปรับเวลาการนอนของคุณให้เข้าที่ได้

 5. ผ่อนคลายจิตใจด้วยโยคะ 

การเล่นโยคะนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังเป็นยาดีที่สามารถช่วยรักษาปัญหาเรื่องการนอนหลับของคุณอีกด้วย เพราะการฝึกหายใจที่ถูกต้องในระหว่างการเล่นโยคะนั้น จะช่วยลดความตึงเครียด และความวิตกกังวลในใจของคุณให้น้อยลง จนส่งผลให้คุณนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น 

6. ผ่อนคลายร่างกายด้วยน้ำอุ่น

ก่อนจะทำให้จิตใจของคุณผ่อนคลายได้ ก็ต้องทำให้ร่างกายของคุณสบายเสียก่อน ด้วยการนอนแช่น้ำอุ่นสักพัก เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ในร่างกายให้ลดลง แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อแทนก็ได้เช่นกัน 



 7. หลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน

การนอนหลับหรืองีบหลับในตอนกลางวันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นาฬิกาในร่างกายของคุณแปรปรวน เพราะร่างกายของคุณก็จะปรับความเคยชินให้อยากนอนตอนกลางวันแทน และสุดท้ายก็จะกลายเป็นความเคยชินที่ทำให้คุณจำเป็นต้องนอนกลางวันทุกวัน ดังนั้นให้พยายามหากิจกรรมที่ช่วยทำให้คุณกระปรี้กระเปร่า หรือดื่มเครื่องดื่มที่สามารถทำให้คุณตื่นตัวได้แทนดีกว่า เพราะจะช่วยให้คุณนอนหลับในตอนกลางคืนได้ยาวนานขึ้น 

8. ไม่ควรทำกิจกรรมหนัก ๆ ก่อนนอน 

การออกกำลังกาย สามารถช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายขึ้นเช่นกัน แต่ทั้งนี้คุณควรเลือกเวลาการออกกำลังกายให้เหมาะสมด้วย โดยควรงดออกกำลังกายหลังจากเวลา 21.00 ไปแล้ว เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายของคุณควรจะรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเข้านอน อีกทั้งให้หลีกเลี่ยงของหวาน และอาหารหนัก ๆ ในช่วงเวลานี้ด้วย 

9. ดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอน 

เนื่องจากในน้ำนมนั้นประกอบด้วยสารเคมีที่มีชื่อว่า ทริปโตฟาน ซึ่งเป็นสารที่จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรดื่มเยอะจนเกินไป และควรดื่มก่อนเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายยิ่งขึ้น 

10. เลือกหมอนและท่านอนให้ถูกต้อง 

การเลือกใช้หมอนและท่านอนก็มีผลต่อการนอนหลับของคุณเช่นกัน โดยควรเลือกหมอนที่มีความสูงไม่เกิน 5 - 6 นิ้ว และหมอนที่ใช้ก็ไม่ควรจะนิ่มหรือแข็งจนเกินไป ส่วนการปรับท่านอนนั้นหากคุณเป็นคนที่นอนตะแคงก็ควรใช้ขาข้างใดข้างหนึ่งก่ายหมอนข้างไว้ด้วย ส่วนคนที่ชอบนอนหงายก็ควรใช้หมอนหนุนรองใต้เข่าเอาไว้ เพื่อลดแรงกดบริเวณกระดูกสันหลัง อีกทั้งยังช่วยให้การนอนหลับของคุณดีขึ้นอีกด้วย 

จะเห็นได้ว่า การนอนหลับให้เพียงพอถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ต่อสุขภาพของเรา เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของคุณจะได้รับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ดังนั้นหากคุณกำลังมีปัญหาเรื่องการนอนก็ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูนะครับ เพื่อช่วยให้คุณสามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น แต่หากแก้ไขไม่ได้จริง ๆ ก็ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อหาทางรักษาให้ทันเวลา ก่อนจะเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา




นางหมา



มาอีกแล้วเรื่องอีกเรื่องนึงนี่ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ประจำวันเสาร์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ กองบรรณาธิการ พาดหัวว่า “ชายแดนพม่า ฮือฮา” หืม ฮือฮา คนบาปหัวเป็นหมา หัวเป็นหมา คนบาปหัวเป็นหมา คน บาป หัว เป็นหมา อยากฟังต่อไม๊จ๊ะ อยาก…

            ฮือฮา ภาพคนประหลาดชาวพม่า หัวเป็นหมาตัวเป็นมนุษย์ อืมม์ พระพม่าชี้เป็นพวกมีบาปหนัก ชอบด่าพ่อแม่ เวรกรรมตามสนอง เกิดมาชาตินี้จึงเป็นคนครึ่งคน ครึ่งสัตว์ เอาล่ะสิ เอาแล้ว เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ นายอู มิอ่อง อายุ ๒๘ ปี อ้าว ๒๘มาอีกแล้ว ชาวจังหวัดผาอัน รัฐกระเหรี่ยง ประเทศพม่า ได้เดินทางมาอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และได้เปิดเผยเรื่องฮือฮาในฝั่งพม่า พร้อมกันนั้นนำรูปภาพมาให้ดูเป็นหลักฐานและเล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่รัฐบาลพม่ามีการย้ายเมืองหลวงจากกรุงย่างกุ้งไปเมืองกิมานา เป็นเมืองหลวงใหม่นั้น

ได้พบหญิงจากพม่าคนหนึ่งอายุประมาณ สี่สิบปี มีหัวเป็นหมา ตัวเป็นคนธรรมดา มีแขนและขาเป็นผู้หญิง แต่ไม่สามารถพูดได้ เวลาจะกินทางปาก แสดงอาการต่าง ๆ เช่น หิว โกรธ ดีใจหรือเสียใจ โดยการเห่าหอนเหมือนสุนัข และที่สำคัญเวลาเดินไปไหน จะต้องคลานสี่ขาเหมือนสุนัข แต่สามารถฟังภาษาคนเข้าใจ และสื่อสารกับญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้านได้ เอาแล้วไงจ๊ะ นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษาทีเดียว นายอู มิอ่อง เปิดเผยว่า หญิงประหลาดตัวนี้ไม่มีใครรู้จักชื่อจริง แต่เวลาไปไหนมาไหน คนจะเรียกว่า “นางหมา” จนติดปาก

ตอนนี้ต้องหลบซ่อนตัวเพราะกลัวคนจะรู้จักมากขึ้น จึงต้องอพยพตัวเองออกจากเมืองย่างกุ้งและจะออกไปหาที่อยู่ตามชนบท นอกจากนายอู มิอ่องนำเรื่องประหลาดนี้มาเผยแพร่ผู้สื่อข่าวยังได้รับการยืนยันจากพม่ารูปนึง ที่อาศัยอยู่ที่พักสงฆ์ชายแดนไทย-พม่า ตรงข้ามอำเภอแม่สอด กล่าวว่า ได้ทราบเรื่องหญิงชาวพม่าเป็นหมาตัวเป็นมนุษย์มานานแล้ว หรือนี่เป็นเรื่องบาปกรรม หรือเวรกรรม เมื่อเด็กหญิงชาวพม่าที่ได้กล่าวถึงนี้

ตอนแรกเกิดมาก็เป็นคนธรรมดา หัวเป็นคน ตัวเป็นคน พอต่อมาอายุได้ ๒๐ ปีเศษ เป็นคนที่ไม่ชอบทำบุญ หรือแม้กระทั่งตบตีพ่อ แม่ พออายุได้ประมาณ ๒๕ ปี หน้าตาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยเริ่มมีขนขึ้นตามหน้าตา มีขนขึ้น มีไม๊ มีนิดหน่อย แถวริมฝีปากกับตรงคาง ปากยื่นออกมา ใครยื่นบ้าง อืม ๆ ๆ ไม่มีใครยื่น กลายเป็นหน้าสุนัขซะหมด แล้วก็เริ่มพูดไม่ได้ ต้องเห่าหอน แทนคำพูด และเดินสี่ขา จนเดี๋ยวนี้อายุประมาณ ๔๒ ปีแล้วจึงกลายเป็นคนครึ่งคนครึ่งสัตว์

คนเราเกิดมาต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ต้องกราบพ่อแม่ทุกวัน คนที่ดุด่าพ่อแม่ต้องรับกรรม ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก เพราะชาตินี้ก็เห็นแล้ว พระชาวพม่ากล่าวในตอนเช้า รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้นางหมา มนุษย์ครึ่งคนครึ่งสัตว์ได้เดินทางออกจากเมืองย่างกุ้ง ไปอยู่ในเมืองชนบท ชื่อว่าเมืองมัณฑะเล การใช้ชีวิตเริ่มเหมือนหมาเรื่อย ๆ ทั้งการกิน การอยู่ วิทยาศาสตร์ก็ตอบยากเหมือนกัน ทำไมจะต้องเป็นอย่างนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษา

เรามาดูภาพกันเลย นี่กฎแห่งกรรมนะจ๊ะ มันจะชิงช่วงช่วงชิง บุญ – บาป นี่มันจะชิงช่วงช่วงชิง ใครละเอียดกว่ากันจะส่งผลได้ก่อนปึ๊บก็อย่างนั้น ถ้าหากว่า บุญส่งผลก่อน ก็จะไปในทางที่ดี บาปส่งผลก่อนจะไปในทางที่ไม่ดี คนเขาบอกยุคนี้น่าจะตัดต่อได้ ไม่น่าจะตัดต่อได้ ปาก จมูกโด่ง แต่ว่ามันออกมาพร้อมกับปาก น่าสงสารนะ น่าสงสาร แต่สมกับเหตุที่เธอประกอบ นี่นี่อะไรทุกอย่าง เพราะงั้นเรื่องนี้มีเหตุทั้งสิ้น อยู่ ๆ จะมีเหตุแบบนี้มาหรือ ไม่ธรรมดา อันนี้น่าศึกษานะ







สัจธรรม





วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เวลาไหนที่ผู้ชายไม่อยากให้ผู้หญิงอยู่ใกล้







เวลาไหนที่ผู้ชายไม่อยากให้ผู้หญิงอยู่ใกล้
 

คุณผู้หญิงดูไว้นะ จริงๆ ต้องบอกไว้ก่อนว่า ผู้ชายที่เป็นชายแท้ ไม่ใช่ตุ๊ด เขาก็อยากให้ผู้หญิงอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลานั่นแหละ แต่ถ้าจะคาดคั้นเอาคำตอบละก็ มีหลายช่วงเวลาเลยล่ะ

 
กำลังตั้งใจทำงาน

การทำงานทุกอย่างเราต้องใช้สมาธิ ไม่สามารถทะเลาะกับแฟนได้ ยิ่งช่วงเวลาทำงาน หรือก่อนมาทำงาน เพราะเราจะเครียดและไม่มีอารมณ์ทำงาน สำหรับบางคนที่เจอมาเยอะ เขาจะสร้างกำแพงไว้เลยว่า เวลาทำงานเขาอยากอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นคุณควรจะเข้าใจเขา

 เวลาเล่นเกม

งงสิ เกมมันสำคัญกว่าฉันหรือไงยะ ผู้ชายบางคนสามารถนั่งเล่นเกมได้ 4-5 ชั่วโมง ติดต่อกันโดยไม่ทำอะไรเลย บางคนเป็น 10 ชั่วโมง ก็มี (นี่ก็เป็นหนึ่งสาเหตุของการเลิกกันกับแฟน หลายคู่แล้ว) มันสนุกยังไงน่ะเหรอ จริงๆ แล้วผู้ชายเป็นเพศที่ชอบเอาชนะ นอกจากสาวๆ คนอื่นที่เราอยากเอาชนะแล้ว ศัตรูตัวดีอีกอย่างก็คือเกมนี่แหละ ลองมองโลกในแง่ดี ยังไง ติดเกมก็ดีกว่าติดหญิงนะจ๊ะ

 เวลาดูบอล

อย่าได้มาเข้าใกล้เชียว ถ้าคุณดูบอลไม่เป็น มันจะเกิดการทะเลาะกันอย่างแน่นอน เพราะคนที่ดูบอลไม่เป็น มองเข้าไปในจอทีวีก็เห็นแต่จอเขียวๆ มีผู้ชายวิ่งไปวิ่งมา สนุกตรงไหนเนี่ย อันทีมที่แพ้ก็ก็เป็นอีกทีม แล้วทำไปแฟนฉันต้องสนใจมันหันมาคุยกันสัก 10 นาทีก็ไม่ได้ เพราะจะบอกให้ ก็เหมือนเวลาสาวๆ ไปดูหนังในโรงนั่นแหละ อยากให้มีคนมาชวนคุย หรือชวนไปห้องน้ำหรือเปล่าล่ะ

 ขณะกำลังมีเรื่องชกต่อย

เพราะผู้ชายร้อยทั้งร้อย เวลามีเรื่องต้องสู้เสมอ เวลามีเรื่องอดรีนาลินจะพุ่งปรี๊ดเหมือนรถไฟเหาะ พร้อมสู้ตลอดเวลาแต่สาวข้างกายมักพูดว่า อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ ยอมๆ เขาไปเถอะ รีบกลับเถอะ (จากประสบการณ์ตรง) จะบ้าหรือไงเธอ ก็บอกแล้วไงว่ามันเหมือนรถไฟเหาะ ถ้ามีคนมาห้ามเธอไม่ให้กรี๊ด อย่าร้อง อย่าเสียวนะ จะทำได้ไหม

 เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชาย (ล้วน)

เพราะอะไรเหรอ เรื่องนี้ผู้ชายเขารู้กัน ก็เพราะเกะกะนะซิครับ ไหนจะเวลาคุยเรื่องผู้ชาย มันมีความลับบางอย่างที่แฟนฟังไม่ได้ (เรารู้นะว่าสาวๆ ก็มีเหมือนกัน 55 ) มันโม้กันไม่ถนัด หรือถ้าจะขุดเอาวีรกรรมเด็ดในอดีตมาพูด สาวๆก็รับไม่ได้อีก ไม่ต้องมาอ่ะ ดีแล้ว บางทีเราก็อยากแอบไปเหล่สาว จีบสาว อะไรกันบ้าง ไม่ได้นอกใจนะ แต่ขอซ้อมมือบ้าง เช็คเรทติ้งบ้าง

 เวลาร้องไห้

ในโลกนี้ไม่มีผู้ชายที่ไหนอยากให้ผู้หญิงมาเห็นน้ำตาของเขาหรอก เพราะน้ำตาหมายถึงความอ่อนแอ ไม่มีใครอยากให้ชาวบ้านรู้หรอกว่าอ่อนแอ เพราะฉะนั้นเวลาแอบเห็นหนุ่มของตัวเองร้องไห้ ก็ให้เวลาเขาสักแป๊บ เออ เรามีข้อสังเกตให้นะ ผู้ชายที่เวลาดูหนังเกาหลีแล้วร้องไห้เนี่ย ว่ากันว่าเป็นผู้ชายโรแมนติกมา ลองไปจับผิดดู


ที่มา ... daradaily.com