ads by google

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ผู้ชายเอเชีย 1 ใน 10 เคย "ขืนใจ" ผู้หญิง

ผู้ชายเอเชีย 1 ใน 10 เคย "ขืนใจ" ผู้หญิง ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ คอลัมน์: สรรหา มาเล่า ต้องบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่ผลสำรวจที่ทำการสำรวจเก็บข้อมูลในทุกประเทศของภูมิภาคเอเชีย แต่เป็นผลสำรวจใน 6 ประเทศเอเชีย ได้แก่ บังกลาเทศ จีน กัมพูชา อินโดนีเซีย ศรีลังกา และปาปัวนิวกินี โดยสุ่มสอบถามผู้ชายกว่า 10,000 คน ซึ่งพบว่ามีผู้ชาย 1 ใน 10 ที่ยอมรับเคยบังคับขืนใจผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาหรือคนรักของตน จากที่ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า มีผู้หญิงทั่วโลก 1 ใน 3 บอกว่าเคยตกเป็นเหยื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศและกระทำทารุณภายในบ้าน แต่มีผลสำรวจล่าสุดนี้ออกมาซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซต โกลบอล เฮลธ์ เรเชล จิ๊กส์ จากสถาบันวิจัยทางการแพทย์ของแอฟริกาใต้ หัวหน้าทีมศึกษาทั้งสองโปรเจ็กต์นี้ ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากประเทศออสเตรเลีย อังกฤษ นอร์เวย์ และสวีเดน ถึงกับออกปากว่า "เป็นที่ชัดเจนเลยว่าการกระทำรุนแรงต่อผู้หญิงได้แผ่ขยายในกลุ่มคนทั่วไปมากกว่าที่เราคิด" ทั้งนี้ เรเชลเล่าถึงวิธีเก็บข้อมูลว่า ทีมงานเธอไม่ได้ใช้คำว่า "Rape" หรือ "ข่มขืน" ในแบบสอบถาม แต่ผู้ชายที่เข้าร่วมในการสำรวจนี้จะถูกตั้งคำถามให้ตอบว่าเขาเคยบังคับฝืนใจผู้หญิงให้มีเพศสัมพันธ์กับเขาโดยเธอไม่เต็มใจหรือไม่ หรือเขาเคยบังคับฝืนใจผู้หญิงที่อยู่ในสภาพเมาเหล้าหรือถูกวางยาเพื่อให้มีเพศสัมพันธ์กับเขาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีหลายพื้นที่ที่ทีมงานศึกษาสรุปว่ามีผู้ชายราว 6-8% ที่ "ข่มขืน" ผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาหรือแฟนของตน แต่เมื่อรวมผู้หญิงที่เป็นภรรยาหรือแฟนเข้าไปด้วย ตัวเลขผู้ชายที่ "ข่มขืน" ผู้หญิงก็ขยับสูงขึ้นอยู่ระหว่าง 30-57% โดยตัวเลขสถิติที่ต่ำสุดคือบังกลาเทศและอินโดนีเซีย ส่วนตัวเลขที่สูงสุดคือปาปัวนิวกินี ขณะที่จากการศึกษาครั้งก่อนพบว่าแอฟริกาใต้มีสถิติการข่มขืนมากที่สุด โดยมีผู้ชายเกือบ 40% ที่เชื่อว่าเคยข่มขืนผู้หญิง ทั้งนี้ ในกลุ่มผู้ชายที่เคยบังคับขืนใจผู้หญิงให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย มากกว่า 70% บอกว่าทำไปเพราะรู้สึกตนเป็นเพศที่เหนือกว่า ขณะที่เกือบ 60% บอกว่าทำไปเพราะความรู้สึกเบื่อหรือต้องการหาความสนุก และมีอยู่ 40% ที่บอกว่าทำไปเพราะโกรธและต้องการลงโทษผู้หญิงคนนั้น สำหรับความรู้สึกสำนึกละอายต่อความผิด มีผู้ชายครึ่งต่อครึ่งที่รู้สึกผิด และมีเพียง 23% ที่ถูกจับได้และได้รับโทษตามกฎหมาย "ปัญหาที่พบนี้น่าตกใจมาก แต่ทุกที่ที่เราสำรวจเราก็จะพบการกระทำรุนแรงต่อผู้หญิง ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนโดยฝีมือสามีหรือคู่รักของเธอ" มิเชล เดคเกอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิทยาลัยแพทย์จอห์น ฮอฟกินส์ บลูมเบิร์ก กล่าว และว่า "การข่มขืนไม่จำเป็นว่ามีใครเอาปืนมาจ่อหัวผู้หญิง และผู้คนมักจะคิดกันว่าการข่มขืนมักเกิดจากน้ำมือของคนอื่น ไม่ใช่คนในครอบครัว"