ads by google

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กลุ่ม "ชายรักชาย" ติดเอดส์พุ่งไม่หยุด สาเหตุหลักใช้ถุงยางแค่ร้อยละ 65


Do you understand this article.
http://understand2article.blogspot.com/
Please re-write this article to me,thank a lot.

Human Resource Online Training



 

อาหมูไปตรวจเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ฮะ?...
 



กลุ่ม "ชายรักชาย” ติดเอดส์พุ่งไม่หยุด สาเหตุหลักใช้ถุงยางแค่ร้อยละ 65
วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2556 เวลา 20:06 น.


กลุ่ม "ชายรักชาย” ติดเอดส์พุ่งไม่หยุด สาเหตุหลักใช้ถุงยางแค่ร้อยละ 65 กทม. ร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้ารณรงค์ให้ได้ 80 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 56 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายพีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัด กทม. เป็นประธานเปิดการประชุมรายงานสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคเอดส์ และคาดประมาณการติดเชื้อเอชไอวีในอนาคตในพื้นที่ กทม. โดย นพ.วิวัฒน์ พีรพัฒนโภคิน ผู้ทำการศึกษาโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพเพื่อดำเนินงานด้านเอดส์ของ กทม. มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนานโยบาย กล่าวสรุปสถานการณ์ว่า ปี 2556 กทม. มีผู้ติดเชื้อสะสม 163,000 คน ยังมีชีวิตประมาณ 64,000 คน และมีผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยเอดส์รายใหม่ 2,300 คน โดยร้อยละ 61.2 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในกลุ่มชายรักชาย ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักเห็นความสำคัญ มีการแพร่ระบาดที่รุนแรง และไม่มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 17-24 ปีที่มีการติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด

นพ.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ขอเสนอให้ กทม. เป็นผู้นำในการประสานความร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนยุทธศาสตร์รณรงค์ให้กลุ่มชายรักชายได้ตระหนักในความเสี่ยง ใช้ถุงยางอนามัยให้ได้มากกว่าร้อยละ 80 เพราะขณะนี้มีการใช้ถุงยางเพียงร้อยละ 65 ดังนั้นต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ สำหรับการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ เช่น ในกลุ่มของการซื้อขายบริการทางเพศ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการใช้ถุงยางถึงร้อยละ 80 และพบว่าการติดเชื้อจากการใช้สารเสพติดลดลงในระดับหนึ่งเนื่องจากขนาดประชากรกลุ่มนี้ลดลง การใช้เข็มร่วมกันลดลง ความถี่ในการฉีดลดลง เป็นผลจากการรณรงค์ในการป้องกันและการบำบัด แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ด้านนายพีระพงษ์ กล่าวว่า ผลของการศึกษาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในครั้งนี้จะนำมาจัดทำแผนเพื่อลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ โดยเฉพาะประชากรกลุ่มเสี่ยงใน กทม. ที่มีพนักงานบริการทางเพศหญิง 25,000 คน กลุ่มลูกค้าซื้อบริการทางเพศ 165,000 คน กลุ่มชายรักชาย 66,000 คน และกลุ่มใช้สารเสพติดชนิดฉีด 40,000 คน