ads by google

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พระราชประวัติย่อเกี่ยวกับการทรงแข่งขันเรือใบ

พระราชประวัติย่อเกี่ยวกับการทรงแข่งขันเรือใบ
                  ความทรงจำที่ประทับใจในอดีตของปวงชนชาวไทยยังคงจำได้ดีจนทุกวันนี้  เมื่อวันที่ ๑๖ธันวาคม ๒๕๑๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช   คู่กับ  สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญฯ     ได้เสด็จฯ ขึ้นประทับบนแท่นรับเหรียญรางวัลเนื่องในวโรกาสที่ทรงเป็นนักกีฬาผู้ชนะเลิศการแข่งขันเรือใบประเภท โอ เค   ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่  ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
                  ชัยชนะในครั้งนั้นได้แสดงถึงพระปรีชาสามารถในการทรงเรือใบให้เป็นที่ประจักษ์   เนื่องจากทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกและพระองค์เดียวในทวีปเอเซียที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันเรือใบนานาชาติ จนเป็นที่ยอมรับและจารึกไว้ในประวัติศาสาตร์วงการกีฬาระดับโลก จนทางราชการได้ยึดถือวันที่ ๑๖  ธันวาคมของทุกปีเป็นวันกีฬาแห่งชาติ  นับเป็นเกียรติประวัติแห่งความภาคภูมิใจของปวงชนชาวไทย  มาจนถึงทุกวันนี้
                  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับการกีฬาไว้ว่า  "การกีฬามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของแต่ละคนและชีวิตบ้านเมือง"   พระราชดำรัสนี้แสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานในเรื่องการส่งเสริมการกีฬาว่าเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคคลและประเทศชาติ    จึงทรงส่งเสริมกีฬาทุกประเภท   พร้อมทั้งทรงกีฬามากมายหลายประเภทเช่นกัน
                  นอกจากนั้นยังทรงรับการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่  และ  รวมทั้งกีฬาแหลมทองครั้งที่   , และ ๑๓  ซึ่งเป็นกีฬาระดับนานาชาติไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์  ตลอดจนทรงเป็นองค์ราชูปถัมภ์ของสมาคมกีฬาสมัครเล่น
                  เรือใบฝีพระหัตถ์ลำแรกที่ทรงต่อด้วยพระองค์เองเป็นเรือใบพระที่นั่งเอ็นเตอร์ไพรส์  โดยพระราชทานชื่อเรือว่า "ราชปะแตนและต่อมาทรงต่อเรือใบประเภท โอ เค  ขึ้นอีก   พระราชทานชื่อว่า "นวฤกษ์  ซึ่งเรือนวฤกษ์นี้เองทรงนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาเรือใบในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่    นอกจากนี้พระองค์ท่านยังทรงคิดค้น ออกแบบ และสร้างเรือใบขึ้นมาด้วยพระองค์เองอีก  พระราชทานชื่อว่า "เรือใบแบบมด ทรงมีรับสั่งว่า   "ที่ชื่อมดนั้นเพราะมันกัดเจ็บ  คัน  ดี "  ต่อมาทรงพัฒนาเรือแบบมดขึ้นมาใหม่โดยได้พระราชทานชื่อว่า เรือใบ "แบบซูเปอร์มด" และเรือใบในตระกูลมดนี้ลำสุดท้ายที่ทรงออกแบบคือเรือใบ  "แบบไมโครมด"  ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักแล่นเรือใบทั้งหลาย
                  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงต่อเรือขึ้นมาอีกลำหนึ่งเป็นเรือใบประเภท โอ เคพระราชทานชื่อเรือว่า"VEGA" หรือ เวคา (เป็นชื่อดาวที่สุกใสดวงหนึ่ง)  ทรงใช้เรือลำนี้เสด็จฯ ข้ามอ่าวไทยจากพระราชวังไกลกังวลหัวหินไปขึ้นฝั่งที่หาดเตยงามในหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เมื่อ ๑๙ เมษายน  ๒๕๐๙  ซึ่งในการต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ   พระราชทานหางเสือเรือเวคา เพื่อเป็นรางวัลนิรันดรในการแข่งขันเรือใบระยะทางไกลของประเทศไทย  นอกจากนี้ยังทรงก่อตั้งสโมสรเรือใบส่วนพระองค์ขึ้นคือสโมสรเรือใบจิตรลดา ทั้งยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับสโมสรเรือใบต่างๆ มาไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์เช่น สโมสรเรือใบราชวรุณ  สโมสรเรือใบกรมอู่ทหารเรือ สโมสรเรือใบฐานทัพเรือสัตหีบ สโมสรเรือใบนาวิกโยธิน และสโมสรเรือใบกองเรือยุทธการ เป็นต้น
                  ด้วยเหตุที่โปรดการต่อเรือใบประเภทต่างๆ ดังกล่าว  หม่อมเจ้า ภีศเดช  รัชนี   ได้ทรงเล่าถึงพระราชดำรัสขององค์ท่านในหนังสือ อสทเรื่องทรงเรือใบ ฉบับที่  ธันวาคม ๒๕๓๔  ไว้ว่า  "ปีใหม่คนอื่นๆ เขาไปฉลองกัน เสียเสียเงินมาก แต่เราเสีย ๑๔๗ บาท เท่านั้น  เป็นค่าไม้ยมหอม และค่าเบียร์ฉลองปีใหม่  แต่เรายังสนุกกว่าเขาอีก  แล้วเป็นประโยชน์ด้วย"
                  จากพระราชดำรัสที่กล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าพระองค์ท่านทรงให้ความสนพระทัยในการกีฬาเรือใบนี้ด้วยพระราชหฤทัยอย่างแท้จริง  จึงได้ทรงต่อเรือใบด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง  ซึ่งมีเพียงแต่พระองค์ท่านที่ทรงเป็นพระประมุขของชาติไทยพระองค์เดียวในโลกนี้เท่านั้นที่ทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านเรือใบ
                      ด้วยพระราชกรณียกิจที่ทรงพระปรีชาสามารถทางการกีฬาจนเป็นที่เลื่องลือ และได้มีการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์วงการกีฬาอันเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก คณะกรรมการโอลิมปิกสากลจึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์   และได้ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองดุษฏีกิตติมศักดิ์ของ  โอลิมปิก  คือ   "อิสริยาภรณ์โอลิมปิกสูงสุด (ทอง)" เมื่อ๑๔ ธันวาคม ๒๕๓๐   นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ทรงได้รับเกียรติยศดังกล่าว    นอกจากนี้มหาวิทยาลัยมหิดลก็ได้ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา  เมื่อวันที่    สิงหาคม  ๒๕๓๔
                  ปัจจุบันแม้ว่าพระองค์ท่านจะทรงเรือใบไม่มากเท่าแต่ก่อนอันเนื่องจากทรงมีพระราชกรณียกิจมาก   แต่กระนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นี้ก็ทรงแสดงให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลกแล้วว่า   ไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดหรือประมุขชาติใดในโลก    ที่ทรงเป็นนักกีฬาที่ยอดเยี่ยมและให้ความสำคัญต่อการกีฬาตลอดจนสนับสนุนการกีฬาเทียบเท่าพระองค์ท่านได้เลย
                    
เรือใบ  โอ เค
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงต่อเรือใบด้วยพระองค์เองเรือใบฝีพระหัตถ์ลำแรกที่ทรงต่อเป็นเรือประเภทเอ็นเตอร์ไพรส์โดยพระราชทานชื่อเรือว่า " ราชปะแตน "