ads by google

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

Fwd: [Uncle Taro(tm)] อาการบาดเจ็บทางสมองยอดเยี่ยม อันดับที่ 3: Face Blind (โรคตาบอดหน้า)

 

อาการบาดเจ็บทางสมองยอดเยี่ยม อันดับที่ 3: Face Blind (โรคตาบอดหน้า)


การมองเป็นเรื่องซับซ้อนนะครับ แต่การ "เห็น" ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

การที่เรามองอะไรซักอย่างแล้วกว่าจะ "เห็น" และแยกแยะออกได้ว่ามันคืออะไรนั้นต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการภายในสมองมากมายหลายขั้น หากส่วนประมวลข้อมูลส่วนใดส่วนหนึ่งเจ๊งไป เราก็อาจจะมองเห็นบางอย่าง แต่ไม่เห็นอีกบางอย่าง อันนี้ก็เป็นได้ เอาง่ายๆก่อน อย่างเช่นตาบอดสี คนบางคนสามารถบาดเจ็บที่สมองแล้วเกิดเป็นตาบอดสีได้ ซึ่งก็คือมองเห็นภาพ แต่ไม่เห็นสี เห็นเป็นขาวดำแทน ประหลาดขึ้นมาอีกนิด บางคนเป็นโรคตาบอดไหว (Motion Blind) คือไม่สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวได้ เวลามองอะไรก็จะเห็นเป็นภาพนิ่งหมด แต่ภาพนิ่งนี้จะรีเฟรชตัวเองทุกๆ 3 วินาที เหมือนเฟรมหนังที่ความถี่ต่ำมากๆ อย่างเช่นถ้าข้ามถนนอยู่ หันไปวูบแรก อาจจะเห็นเป็นภาพนิ่ง รถสิบล้ออยู่ห่างออกไป 100 เมตร พอรีเฟรชอีกที อ้าวเฮ้ย! มันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว! อะไรแบบนี้เป็นต้น

ทีนี้มาถึงโรคตาบอดหน้าซึ่งเป็นหัวข้อหลักของเรา สมองมีส่วนที่อุทิศให้กับการวิเคราะห์แยกแยะจดจำใบหน้าต่างๆโดยเฉพาะ หากส่วนนี้เกิดบอดขึ้นมา คนที่เป็นก็จะไม่สามารถมองออกว่าหน้าคนแต่ละคนมีความแตกต่างกันยังไง แม้กระทั่งหน้าเพื่อนสนิท หรือหน้าคนในครอบครัว หรือกระทั่งหน้าคนที่มีชื่อเสียง ก็จะไม่สามารถระบุได้เลยว่าใครเป็นใครบ้าง เรียกได้ว่าสำหรับคนที่เป็นโรคนี้คนทุกคนในโลกล้วนหน้าตาเหมือนกันหมด แม้แต่นักร้องเกาหลีเรนกับเท่งเถิดเทิงก็ยังแยกจากกันไม่ออก เหมือนกับเวลาเราเห็นวัวยืนอยู่ด้วยกันเป็นฝูงแล้วก็รู้สึกว่า เออ...ทุกตัวมันก็หน้าเหมือนๆกันหมด อย่างไรอย่างนั้น

คนเหล่านี้เวลาเจอคนรู้จักต้องอาศัยฟังเอาจากเสียง หรือไม่ก็ดูจากรูปร่างส่วนสูง ดูจากการแต่งตัว ดูจากสถานที่สถานการณ์เอา ถึงจะสามารถจดจำได้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร ผมเคยฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง ดีเจที่จัดเป็นนักมายากลซึ่งมีชื่อเสียงมากของอเมริกาชื่อ เพ็นน์ จิลเล็ต (Penn Jillette) เจ้าตัวบอกว่าเค้ามีอาการตาบอดหน้าแบบอ่อนๆมาตั้งแต่กำเนิด (คือไม่ใช่แยกแยะไม่ได้เลย แต่แค่ห่วยกว่าคนธรรมดาทั่วไปเฉยๆ) แล้วก็เล่าวิถีชีวิตให้ฟังว่า เวลาลงจากเครื่องบินเขาก็ต้องรีบเอาแม็กกาซีนออกมานั่งอ่าน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้รอให้คนที่มารับนั้นเดินเข้ามาทักเอง เพราะตัวเขาไม่สามารถที่จะจดจำหน้าเดินเข้าไปทักใครก่อนได้ แล้วมีอยู่คืนนึงหลังจากที่เขาแสดงมายากลเสร็จ มียายแก่ๆคนหนึ่งเดินเข้ามาขอลายเซ็นต์ คุณเพ็นน์ก็มองหน้าสบตากับแกแล้วก็ถามว่า "ได้เลยครับ จะให้เซ็นต์ถึงใครดีครับ?" ยายแก่คนนั้นยืนนิ่งอยู่พักนึง จากนั้นก็ถอนหายใจ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งๆว่า "เพ็นน์...นี่แม่แกเอง"

คนตาบอดหน้าคนหนึ่งชื่อคุณเกล็น เป็นหนักถึงขนาดที่ว่าต้องไว้เคราใส่หมวกเอาไว้ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นจะจำหน้าตัวเองไม่ได้