ฯพณฯ พล.อ.สีเผือก
เป็นที่รู้กันดีว่าประเทศไทยสมัยโบราณนั้นมีวิธีประหารนักโทษที่ดุดันและโหดร้ายเกินกว่าสภาพร่างกายและจิตใจของนักโทษคนหนึ่งจะรับได้ ก็เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้แก่ชาวบ้านหวาดกลัวที่จะกระทำผิด และเหมือนเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 5 จึงได้มีการยกเลิกการลงโทษและประหารชีวิตในแบบเดิมๆเพื่อนำประเทศเข้าสู่ความเป็นอารยะเทียบเท่าสากล และพัฒนามาเป็นการยิงเป้าและฉีดยากันในปัจจุบันตามลำดับ
ก่อนหน้านี้ในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้มีการโปรดเกล้าให้รวบรวมกฎหมายตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรีมาประมวลไว้ด้วยกัน โดยได้กล่าวถึงการประหารชีวิตด้วยวิธีต่างๆถึง 21 สถาน หรือ 21 วิธี ซึ่งแต่ละวิธีนั้นโหดยิ่งกว่าหนังเรื่อง SAW ทุกภาคหรือหนังสยองฮอลลีวูดรวมกันซะอีก
หนัง SAW ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดดูเหมือนจะชิดซ้ายไปเลย หากเทียบกับการประหารของไทยโบราณ
- สถาน 1 คือ ให้ต่อยกระบานศีศะ (กบาลศีรษะ) เลิกออก (เปิดออก) เสีย แล้วเอาคีมคีบก้อนเหล็กแดงใหญ่ใส่ลงไปในมันสะหมอง (มันสมอง) ศีศะพลุ่งฟู่ขึ้นดั่งม่อ (หม้อ) เคี่ยวน้ำส้มพะอูม
- สถาน 2 คือ ให้ตัดแต่หนังจำระ (จาก) เบื้องหน้าถึงไพรปากเบื้องบนทั้งสองข้างเป็นกำหนด ถึงหมวกหู (ใบหู) ทั้งสองข้างเป็นกำหนด ถึงเกลียวคอชายผมเบื้องหลังเป็นกำหนด (หนังบริเวณคอถึงท้ายทอย) แล้วให้มุ่นกระหมวดผมเข้าทั้งสิ้น (ม้วนเข้าหากัน) เอาท่อนไม้สอดเข้าข้างละคน โยกคลอนสั่นเพิกหนังทั้งผมนั้นออกเสีย แล้วเอากรวดทรายหยาบขัดกระบานศีศะ ชำระให้ขาวเหมือนพรรณศรีสังข์
- สถาน 3 คือ ให้เอาขอเกี่ยวปากให้อ้าไว้ แล้ให้ตามประทีบ (ดวงไฟ) ไว้ในปาก ไนยหนึ่ง (นัยหนึ่ง) เอาปากสิวอันคมนั้นแสะแหวะผ่าปากจนหมวกหู (ใบหู) ทั้งสองข้าง แล้วเอาขอเกี่ยวให้อ้าปากไว้ ให้โลหิตไหลออกเต็มปาก
- สถาน 4 คือ เอาผ้าชุบน้ำมันพันให้ทั่วร่างกาย แล้วเอาเพลิงจุด
- สถาน 5 คือ เอาผ้าชุบน้ำมันพันนิ้วทั้งสิบนิ้ว แล้วเอาเพลิงจุด
- สถาน 6 คือ เชือดเนื้อให้เป็นแรงเป็นริ้วอย่าให้ขาดจากกัน ตั้งแต่ใต้คอลงไปถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกจำ ให้เดินเหยียบริ้วเนื้อริ้วหนังแห่งตน ให้ฉุดคร่าตีจำให้เดินไปกว่าจะตาย
- สถาน 7 คือ เชือดเนื้อให้เนื่องด้วยหนังเป็นแร่งเป็นริ้ว ตั้งแต่ใต้คอลงมาถึงเอว และให้เชือดตั้งแต่เอวให้เนื่องด้วยหนังเป็นแร้งเป็นริ้วลงมาถึงข้อเท้า กระทำหนังเบื้องบนให้คลุมลงมาเหมือนนุ่งผ้า
- สถาน 8 คือ ให้เอาห่วงเหล็กสวมข้อศอกทั้งสองข้าง ข้อเข่าทั้งสองข้างให้มั่น แล้วเอาหลักสอดในวงเหล็กแย่งขึงตรึงลงไว้กับแผ่นดินอย่าให้ไหวตัวได้ แล้วเอาเพลิงรน (ลน) ให้รอบตัวจนกว่าจะตาย
- สถาน 9 คือ ให้เอาเบ็ดใหญ่ที่มีคมสองข้างเกี่ยวทั่วร่าง เพิก (เปิด) หนังเนื้อและเอ็นน้อยใหญ่ให้หลุดขาดออกมาจนกว่าจะตาย
- สถาน10 คือ ให้เอามีดที่คมเชือดเนื้อให้ตกออกจากกายแต่ทีละตำลึง (นำเนื้อมาชั่งให้ได้น้ำหนักหนึ่งตำลึง: มาตราวัดสมัยโบราณ) จนกว่าจะสิ้นมังสา (เนื้อ)
- สถาน 11 คือ ให้แล่สับทั่วร่าง แล้วเอาแปรงหวีชุบน้ำแสบกรีดครูดขูดเสาะหนังและเนื้อแลเอ็นน้อยใหญ่ให้ลอกออกให้สิ้น ให้อยู่แต่ร่างกระดูก
- สถาน 12 คือ ให้นอนลงโดยข้างๆหนึ่ง แล้วให้เอาหลาวเหล็กตอกลงไปโดยช่องหูให้แน่นกับแผ่นดิน แล้วจับขาทั้งสองข้างหมุนเวียนไปดังบุคคลทำบังเวียน (เวียนเทียน)
- สถาน 13 คือ ทำมิให้หนังพังหนังขาด แล้วเอาลูกสีลา (ลูกหิน) บดทุกกระดูกให้แหลกย่อย แล้วรวบผมเข้าทั้งสิ้น ยกขึ้นหย่อนลงกระทำให้เนื้อเป็นกองเป็นลอม แล้วพับห่อเนื้อหนังกับทั้งกระดูกนั้นทอดวางไว้ดั่งตั่งอันทำด้วยฟาง ซึ่งเอาไว้เช็ดเท้า
- สถาน 14 คือ ให้เคี่ยวน้ำมันให้เดือดพลุ่งพล่าน แล้วลาดลงมาแต่ศีศะ (ศีรษะ) จนกว่าจะตาย
- สถาน 15 คือ ให้กักขังสุนัขร้ายทั้งหลายไว้ อดอาหารหลายวันให้เต็มอยาก แล้วปล่อยให้กัดทึ้งเนื้อหนังกินให้เหลือแต่ร่างกระดูกเปล่า
- สถาน 16 คือ ให้เอาขวานผ่าอกทั้งเป็น แหกออกดั่งโครงเนื้อ
- สถาน 17 คือ ให้แทงด้วยหอกทีละน้อย จนกว่าจะตาย
- สถาน 18 คือ ให้ขุดหลุมฝังเพียงเอว แล้วเอาฟางปกลงคลุมร่าง ก่อนคลอกด้วยเพลิงพอหนังไหม้ แล้วไถด้วยไถเหล็กให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่เป็นริ้วน้อยริ้วใหญ่
- สถาน 19 คือ ให้เชือดเนื้อล่ำออกทอดด้วยน้ำมัน เหมือนทอดขนม ให้กินเนื้อตัวเองจนกว่าจะตาย
- สถาน 20 คือ ให้ตีด้วยตะบองสั้นตะบองยาวจนกว่าจะตาย
- สถาน 21 คือ ตีด้วยหวายที่มีหนามจนกว่าจะตาย